เชื่อไหมครับว่า โรคร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา 90% เกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ซึงในการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง 70% เกิดจากการกินอาหาร
การกินอาหารนับเป็นเรื่องสำคัญในการอยู่รอดของมนุษย์ ไม่มีอาหารประเภทไหนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเลย แต่ที่อาหารกลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายก็เพราะเรากินอาหารบางอย่างมากเกินไป ประกอบกับเรากินอาหารบางอย่างที่น้อยเกินไป ทำให้ร่างกายมีพลังงานสะสมมากเกินความจำเป็น เมื่อมีส่วนเกินธรรมชาติของร่างกายดันไม่ขับออกทั้งหมด จะมีบางส่วนที่ร่างกายเก็บไว้กลายเป็นไขมันและน้ำตาลที่สะสมในกระแสเลือด
ฉะนั้นหากต้องการสุขภาพที่ดี สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับต้นๆ เลย นั่นคือ เลือกกินอาหารให้พอดีกับร่างกายของเรา ผมจึงขอแบ่งอาหารมาสัก 12 ประเภท เรียงลำดับตามพลังงานที่เราจะได้รับจากน้อย ไป มาก
1. น้ำเปล่า – กลุ่มไม่ให้พลังงานเลย แต่ต้องกิน เพราะส่วนประกอบในร่างกายของเราส่วนใหญ่มากคือน้ำ และน้ำในร่างกายเราถูกขับออก ระเหยออกตลอดเวลา ถ้าขาดน้ำติดต่อก่อนไม่เกิน 3 วันก็มีโอกาสตายได้ แต่การกินน้ำต้องน้ำเปล่าเท่านั้นนะ นอกจากนี้การกินน้ำก่อนกินข้าวเป็นสิ่งที่ดีมาก ลดไขมัน หุ่นดี รักษาสมดุลความดัน ไตสะอาดและห่างไกลโรคมะเร็ง แต่น้ำนั้นต้องไม่เย็น หากเป็นน้ำเย็นมันจะไปดับไฟย่อยของเรา
2. กลุ่มพืชกินใบ กินดอก – กลุ่มที่มีแป้งต่ำ ไฟเบอร์สูง ไม่มีไขมัน พลังงานต่ำ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย แถมยังมีวิตามิน เกลือแร่และสารต้านอนุมูลอิสระมากด้วย
3. กลุ่มพืช กินผล กินหัว – เช่น พืชตระกูลถั่ว, มะรุม, ฟัก แฟง แตง,แครอท ผักกาดขาว ขิง ข่า กระชาย หอม เป็นพืชที่พอมีแป้งบ้าง มีไฟเบอร์ วิตามินเกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ (แต่ไม่รวมเผือก มัน นะครับอันนี้ผมขอไปรวมกับพืชประเภทแป้ง ข้าว)
4. ผลไม้ที่สุกแล้วไม่หวานมาก – เช่น ฝรั่ง ชมพู พุทรา สาลี แอปเปิล เป็นผลไม้ที่ให้แป้งและน้ำตาลต่ำ
อาหาร 4 ข้อนี้ เราควรกินก่อนกินข้าวแต่ละมื้อให้อิ่มสักครึ่งท้อง จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นมากเลยทีเดียว
5. อาหารให้โปรตีนที่มีแป้ง/ไขมันน้อย เช่น เนื้อปลา (ไม่รวมท้อง) เห็ด ไข่ เนื้อไม่ติดมัน ให้กินเป็นกับข้าวก็มีดีกว่าสิ่งอื่น
หากวันๆ เราเลือกกินอาหาร ข้อ 1 – 5 ควบคู่กับการออกกำลังกาย ก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นมากเลย
6. อาหารที่ให้แป้งสุง เช่น ข้าว เผือก มัน ธัญพืช ก็จำเป็นต้องกิน เพียงแค่อย่ากินมากเกินความจำเป็นเท่านั้นพอ
7. ผลไม้ชนิดที่สุกแล้วหวาน ผลไม้พวกนี้อุดมไปด้วยแป้งเยอะเวลาดิบ ซึ่งแป้งเหล่านี้จะผันเป็นน้ำตาลเวลาสุก กินก็กินได้แต่อย่ามากและบ่อย ไม่งั้นน้ำตาลในร่างกายของเราจะเกิน
8. ผลไม้ตามฤดูกาล – การกินผลไม้ควรกินตามฤดูกาลของมัน เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติ หากเป็นผลไม้นอกฤดูกาลนอกจากจะแพงแล้วมักจะพบสารเคมีตกค้างที่ผู้ปลูกใส่เร่งผลผลิต เมื่อมีการเร่งเร้าผลผลิตก็จะทำให้ผลไม้ที่ได้เต็มไปด้วยความหวานแต่มีสารอาหารน้อย
9. อาหารดัดแปลง เช่น ขนม ของหวาน อาหารที่ผ่านการถนอมอาหารรูปแบบต่างๆ ส่วนมากจะมีน้ำตาลมาก และมีสารอาหารน้อย
10. เครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำตาล รวมถึงสุรา และผลไม้กล่อง มักมีน้ำตาลมากชนิดที่มากๆกว่าที่ร่างกายต้องการไปมากเลยทีเดียว สำหรับสุรา โดยเฉพาะเบียร์ แม้ไม่หวานแต่ก็มีส่วนประกอบที่สามารถทำให้ร่างกายย่อยออกมาแล้วได้น้ำตาลได้เหมือนกัน
11. พืชตระกูลถั่ว มักจะมีแป้งมาก ซึ่งแยกเป็น 2 ประเภท ถั่วที่มีไขมันน้อย เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ส่วนถั่วที่ให้ไขมันมาก เช่น ถั่วลิสง อัลมอน มะม่วงหิมพาน เมล็ดทานตะวัน
12. เนื้อสัตว์ติดมัน อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ไขมันที่กินเข้าไปมันจะไปสะสมเป็นไขมันอิ่มตัวอุดตันในร่างกาย
13. ไขมันสกัด เช่น น้ำมันพืช น้ำมันหมู เมื่อน้ำมันพวกนี้ถูกความร้อน จะผันตัวเองเป็นไขมันเลว และมีสาร polar เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ถูกความร้อน ซึ่งสาร polar นี้ ทำให้เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ทำให้ตับเสื่อมได้
ผมไม่ได้บอกว่าห้ามกินนะครับ ผมแค่เพียงอยากบอกว่า อาหารบางอย่างควรกินให้มากและบ่อย อาหารบางอย่างควรกินให้น้อยและห่าง ส่วนอาหารบางอย่าง ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดีมากๆ เลย
เลี่ยงซะวันนี้ ดีกว่าอดกินของอร่อยๆ ทุกอย่างตลอดไปนะครับ
Des rГ©actions cutanГ©es au site d’application peuvent survenir avec le dispositif transdermique de rivastigmine et sont gГ©nГ©ralement d’intensitГ© lГ©gГЁre Г modГ©rГ©e. https://fr.ulule.com/acheter-rivastigmine/ La dose initiale de Rivastigmine est de 1,5 mg pris deux fois par jour et par intervalles de douze heures.