Breaking News
Home » รวม » มนุษย์เป็นสัตว์กินพืชหรือกินเนื้อ

มนุษย์เป็นสัตว์กินพืชหรือกินเนื้อ

เราเคยสงสัยไหมว่า มนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืชหรือกินเนื้อกันแน่

เพราะปัจจุบันมนุษย์เป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก จนสามารถเลือกกินอาหารอะไรก็ได้ตามอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ทั่วไปที่กินตามสัญชาตญาณ ทำให้เราเป้นสัตว์ที่กินได้ทุกอย่าง

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเลยที่เราต้องรู้ เพราะถ้าเรากินอาหารตามที่ธรรมชาติให้มา เราก็จะไกลจากโรค แต่ถ้าเรากินอาหารแตกต่างจากที่ธรรมชาติสร้างเรามา ร่างกายเราไม่วายก็มีปัญหาโรคร้ายมากมายเพราะร่างกายเราจะปรับตัวเซลล์กลายพันธุ์ ฉะนั้นก่อนที่เราจะดูแลตัวเอง ต้องมีการตั้งเป้าหมายการกินให้สอดคล้องกับธรรมชาติซะก่อน ซึ่งจุดนี้บอกได้จากสรีระของสัตว์ เพราะธรรมชาติมักสร้างทุกสิ่งอย่างในลักษณะไม่เผื่อ และส่วนไหนที่ไม่ใช้มันก็เอาคืน ตรงนี้จึงบอกเราได้ดีเลยทีเดียว งั้นเรามาดูกันทีละข้อตามสรีระที่ธรรมชาติมอบให้กันดีกว่า

  1. สรีระในปากที่ธรรมชาติให้มา

สัตว์กินเนื้อ จะมีเขี้ยว เอาไว้ฉีกทึ้งเนื้อ และน้ำลายจะมีฤทธิ์เป็นกรดเพื่อย่อยเนื้อตั้งแต่ในปากผันเป็นกรดอมิโน และน้ำลายมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อสมานแผลได้ สัตว์กินเนื้อจึงมักเลียแผลตัวเอง เพื่อรักษาแผล ธรรมชาติรู้ว่าสัตว์กินเนื้อมักเสี่ยงเกิดบาดแผลได้ทุกวัน

ส่วนสัตว์กินพืช จะมีฟันกราม ไว้บดเคี้ยว และน้ำลายจะมีฤทธิ์เป็นด่างเพื่อย่อยแป้งที่เป็นส่วนผสมในผักผันเป็นน้ำตาล

งั้นเรามาดูมนุษย์บ้าง มนุษย์ไม่มีเขี้ยวแหลมคม อาจมีบ้างเล็กๆ แต่มีฟันลักษณะใหญ่หนาและฟันกรามมาก ส่วนน้ำลายของมนุษย์มีฤทธิ์เป็นด่าง พอเรากินแป้งเคี้ยวนานๆ จะรู้สึกหวานในปาก แสดงว่าสิ่งที่กินถูกผันเป็นน้ำตาล ช่องปากเราจึงเหมือนสัตว์กินพืช

2. สรีระในระบบทางเดินอาหาร

สัตว์กินเนื้อจะมีกระเพาะใหญ่ และมีลำไส้สั้น แถมมีปริมาณกรดน้ำย่อยที่เข้มข้นมาก เนื่องจากระบบย่อยอาหารของสัตว์กินเนื้อจะย่อยเนื้อตั้งแต่ในปากถึงกระเพาะ แล้วดูดซึมเลย ส่วนกากใยที่เหลือลงสู่ลำไส้ ในส่วนของสำไส้ก็มีการดูดซึมบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เอาไว้เก็บของเสียมากกว่า จึงทำให้ธรรมชาติสร้างลำไส้สั้นยาวประมาณ 3 เท่า ของความยาวตัว

ส่วนสัตว์กินพืชจะมีกระเพาะกลางๆ และมีลำไส้ยาว มีปริมาณกรดน้ำย่อยอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก ซึ่งกระเพาะจะทำหน้าที่ย่อย ส่วนการดูดซึมจะเป็นหน้าที่ของลำไส้ ฉะนั้นลำไส้จึงยาวมากหลายเท่าของความยาวตัว

สำหรับมนุษย์ มีกระเพาะที่มีน้ำย่อยฤทธิ์เป็นกรด แต่ถ้าเทียบความเข้มข้นกับน้ำย่อยสัตว์กินเนื้อ เรามีกรดน้อยกว่าประมาณ 20 เท่า เลยทีเดียว แถมมีลำไส้ยาว 12 เท่าของความยาวตั้งแต่ปากถึงทวารหนัก จากตรงนี้ทำให้อาหารที่เรากินเข้าไป จะอยู่ที่ตัวเราประมาณ 3 วัน เมื่ออาหารผ่านกระเพาะปุ๊บ จะหยุดการย่อยทันที จากภาวะเป็นกรด สู่ความเป็นด่างในลำไส้

ผมจึงตีความได้ว่า ธรรมชาติสร้างมุษย์มาเพื่อให้เป็นสัตว์กินพืช แต่เนื่องจากมนุษย์มีวิวัฒนาการที่ฉลาด ทำให้ร่างกายเราเริ่มมีกระเพาะที่เป็นกรดสูงขึ้น แต่ก็ไม่มากเท่าสัตว์กินเนื้อ จึงสรุปว่า มนุษย์เป็นสัตว์กินพืชที่กำลังก้าวสู่สัตว์กินแมลง

แม้ธรรมชาติจะสร้างเรามาแบบนี้ แต่เราก็ยังเลือกกินตามอารมณ์และความรู้สึก จึงไม่แปลกที่เราชอบ เนื้อ ปิ้งย่าง แล้วเขี่ยผักทิ้งไปเพราะรู้สึกว่ามันถูกกว่า แต่หารู้ไม่การกินเนื้อในปริมาณที่มากเกินไป และกินผักน้อยเกินไป เราต้องจ่ายด้วยสุขภาพของตัวเอง ลองสังเกตผู้ที่ไม่ชอบกินผักดูสิครับ สุขภาพเขาจะไม่ค่อยดีเท่าคนที่กินผักเป็นชีวิตจิตใจ

เนื้อสัตว์มันไม่ได้เหมาะกับเรา โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ประเภทเดียวกับเรา คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เพราะเนื้อมันช่างเหนียว เส้นใยมาก หากกระเพาะเราย่อยไม่หมด มันจะกลายเป็นของเสียเน่าเหม็นในลำไส้ ลำไส้ย่อยไม่ได้ จึงค้างอยู่ในนั้นนานกว่า 3 วัน ยิ่งไม่ขับถ่ายทุกวัน ยิ่งอยู๋ในนั้นนานกว่าเดิม ยิ่งอยู่นาน ยิ่งเน่า ยิ่งเน่ามันจะบังเกิดสารอนุมูลอิสระ นี่แหละครับคือ 80%  ของบ่อเกิดโรคร้ายต่างๆ

กินผักให้เกินครึ่งแล้วสุขภาพจะดีขึ้นเอง

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง คลิก: BurinOnline.com/Yong

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*