เก๊าท์ เกิดจากร่างกายมีการผลิตกรดยูริคมากเกินไปจนไปคั่งค้างอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะตามข้อกระดูกต่างๆ ทำให้เราเกิดอาการเจ็บปวด
กรดยูริค มาจากไหน
กรดยูริคเกิดจากร่างกายมีกระบวนการใช้และขับถ่ายสารพิวรีน ซึ่งกระบวนการนี้เกิดจากร่ากายสลายกล้ามเนื้อนั่นเอง ฉะนั้นสารพิวรีนจึงเกิดได้ประมาณ 2 อย่างใหม่ๆ
- อาหารการกิน อาหารที่เรากินบางอย่างมีสารพิวรีน ทั้งพืชและสัตว์ แต่ส่วนมากจะมีในเนื้อสัตว์มากกว่ามากๆ เช่น
อาหารที่ควรงด (มีพิวรีนสูง) ได้แก่ เครื่องในสัตว์ – น้ำเกรวี, กะปิ, ยีสต์ – ปลาดุก, กุ้ง, หอย, ปลาอินทรีย์, ปลาไส้ตัน – ปลาซาร์ดีน, ไข่ปลา – ชะอม, กระถิน, เห็ด – ถั่วแดง, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง, ถั่วดำ – สัตว์ปีก – น้ำสกัดเนื้อ, ซุปก้อน
อาหารที่ควรลด (มีพิวรีนปานกลาง) ได้แก่ – เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม – ปลา อาหารทะเล – ถั่วลิสง, ถั่วลันเตา – หน่อไม้, หน่อไม้ฝรั่ง, ดอกกะหล่ำ, ผักโขม,สะตอ,ใบขี้เหล็ก, ข้าวโอ๊ต, ใบขี้เหล็ก สะตอ ผักโขม
อาหารที่รับประทานได้ตามปกติ (มีพิวรีนน้อย) ได้แก่ – ถั่วงอก,คะน้า – ผัก, ผลไม้ชนิดต่างๆ – ไข่ – นมสด, เนย และเนยเทียม – ขนมปัง ขนมหวาน หรือน้ำตาล – ไขมันจากพืช และสัตว์ ธัญพืชต่างๆ
เมื่อสารพิวรีนถูกย่อยสลายก็จะเกิดกรดยูริค เพราะฉะนั้นเราไม่อาจหลีกเลี่ยงสารพิวรีนได้เลย มันเป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจอ แต่ไม่ต้องห่วงครับ การรับสารพิวรีนจากอาหารจะมีประมาณ 20%
2. กรดยูริค สร้างโดยร่างกายเอง 80% ของกรดยูริคที่เกิดขึ้น เกิดจากร่างกายผลิตขึ้นมาเอง ซึ่งมาจากการสลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อต่างๆ การสลายนี้จะเปลี่ยนให้เป็นกรดยูริก เช่น กล้ามเนื้อทำงานมากขึ้น ความเสื่อมของเซลล์ หรือภาวะอดอาหาร เป็นต้น
ตามปกติร่างกายจะรักษาระดับกรดยูริคในเลือดให้สมดุลอยู่ไม่เกิน 7 mg ต่อ 1,000 mg ร่างกายจะมีระบบควบคุมการสร้างและการกำจัดกรดยูริกผ่านทางไตประมาณ 2 ส่วนของกรดยูริคมีอยู่ในร่างกาย อีก 1 ส่วนขับออกทางลำไส้ใหญ่ สลายไปโดยแบคทีเรียในลำไส้
เก๊าซ์ เกิดจากร่างกายมีกรดยูริคมากเกินจนขับออกไม่ทัน จึงมีกรดยูริคตกค้างซึ่งส่วนมากจะไปคั่งค้างในไขข้อกระดูกต่างๆ จนปวดและทรมาน
ปัจจัยที่ทำให้กรดยูริคมากจนตกค้างในร่างกาย มีปัจจัยใหญ่ๆ 3 อย่าง
- กินอาหารที่มีสารพิวรีนมากเกินไป บ่อยเกินไป อันนี้ก็ปกตินะ โดยปกติร่างกายก็มีกรดยูริคอยู่แล้ว เพราะเซลล์กล้ามเนื้อในร่างกายถูกสลายทุกเวลาอยู่แล้วตามปกติ แล้วยิ่งกินอาหารที่มีสารพิวรีนเข้าไปสำทับอีก ทำให้กรดยูริคมีมากขึ้น
- ภาวะไตขับถ่ายได้ไม่ดี เพราะไตเป็นอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่ขับกรดยูริค หากเกิดภาวะไตไม่ดี การขับถ่ายก็ไม่ดีเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกว่าทำไมคนที่เป็นโรคไตจึงมักมีปัญหาปวดตัว ปวดข้อ ปวดกระดูก ในบางครั้งเราอาจจะมีกรดยูริคไม่เกินค่าวิกฤต แต่ก็เป็นเก๊าท์ได้เพราะไตมีประสิทธิภาพการขับถ่ายลดลง บางครั้งก็อาจจะเกิดจากการกินยาบางประเภททำให้ไตลดประสิทธิภาพการทำงานลง และหากเราดื่มสุรายาเมาก็จะทำให้ประสิทธิภาพการขับถ่ายกรดยูริกลดลง ยิ่งดื่มยิ่งปวด
- ความเสื่อมของร่างกาย ภาวะอนุมูลอิสระมาก เมื่อร่างกายมีความเสื่อมมาก เซลล์ก็สลายตัวมาก เมื่อเซลล์สลายตัวมาก สารพิวรีน กรดยูริคก็เพิ่มมากขึ้น เรื่องนี้แก้ได้ด้วยการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้มาก
กรดยูริคไปสะสมที่ไหนมากๆ ก็จะปวดที่นั่น และหากกรดยูริคสะสมมากๆๆๆ ก็จะตกเป็นผลึก กลายเป็นนิ่วในอวัยวะที่สำคัญ เช่น นิ่วในตับ นิ่วในไต
ฉะนั้นหากเราต้องการรักษาโรคเก๊าท์ ต้องทำ 4 อย่าง
- ลดอาหารที่จะเพิ่มกรดยูริค
- สุรา มีส่วนทำให้ร่างกายรวน ก่อเกิดกรดยูริค
- เครื่องในมีพิวรีนมาก รับประทานเข้าไป ก่อเกิดกรดยูริค
- กะปิ ปลาซาดีน,ปลาซาดีนกระป๋อง ไข่ปลา เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม น้ำเกรวี
- ผักบางอย่าง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง เห็ด แอสพารากัส กะหล่ำดอก ผักขม
- ดูแลตัวเองให้มีความสมดุล ลดอนุมูลอิสระ
- รับประทานอาหารตามปกติและเพียงพอ ไม่มากและไม่น้อย
- นอนหลับให้เพียงพอ
- สวมรองเท้าขนาดพอเหมาะ
- ควบคุมน้ำหนักของร่างกาย
- ดื่มน้ำมาก ๆ ไม่งั้นอาจเป็นนิ่วในไต
สำหรับใครที่ ณ ตอนนี้เป็นโรคเก๊าท์ ไปซะแล้ว หากจะกลับสู่ภาวะปกติสิ่งที่เราต้องทำ นั่นคือ
- ลดอาหารที่มีสารพิวรีน กรดยูริค
- ชะลอแก่ ลดความเสื่อมของร่างกายด้วยการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุง บำบัดร่างกายให้แข็งแรงเพราะลดภาวะเซลล์เสื่อม สลายเซลล์
- เพิ่มประสิทธิภาพของไต ให้สามารถขับถ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ดึงกรดยูริคที่คั่งค้างออกมาเพื่อขับออก ข้อนี้สำคัญมากๆ การเป็นโรคเก๊าท์ คือ กรดยูริคมีการสะสมซะแล้ว ปวดมากปวดน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนการสะสม ฉะนั้นถ้าจะเอาออกก็ต้องดึงมันออกมาขับออก มันไม่สามารถระเหยออกไปเองได้ แต่ข้อนี้เราจะรู้สึกเจ็บขึ้นครับ เพราะการดึงคือการสลายสมดุลของผลึกยูริค จึงรู้สึกปวดเป็นธรรมดา แต่เมื่อกรดยูริคถูกดึงออกมาแล้ว ร่างกายจะเบาตัวขึ้นมาก และอาการเก๊าท์จะดีขึ้น
ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ
เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง และอื่นๆ คลิก:BurinOnline.com/Yong