Breaking News
Home » รวม » เบาหวาน เป็นง่ายขนาดไหน

เบาหวาน เป็นง่ายขนาดไหน

โรคเบาหวาน เกิดจากที่รางกายผิดปกติในการผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลิน โดยมีการผลิตอินซูลินที่น้อยเกินไปไม่เพียงพอที่ร่างกายจะต้องใช้

สำหรับอินซูลิน มีหน้าที่ดักจับน้ำตาลที่อยู่ในระบบเลือด เพื่อน้ำไปผลิตเป็นพลังงานของร่างกาย เปรียบเสมือนรถบรรทุกอ้อยป้อนเข้าโรงงาน

ส่วนน้ำตาลที่จะเข้าสู่ร่างกาย มี 2 ประเภท คือน้ำตาลเชิงเดียว (น้ำตาลนั่นแหละ) กับน้ำตาลเชิงซ้อน (แป้ง) เมื่อเข้าสู่ร่างกายอินซูลินจะคอยจับไม่ให้เหลือ เพราะหากเหลือน้ำตาลจะไปเกาะกร้ามเนื้อทำให้เซลล์เสื่อมเหมือนเป็นสนิมร่างกาย ยิ่งเรากินน้ำตาลมาก มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง ตับอ่อนก็ต้องผลิตอินซูลินมากกว่าปกติ ซึ่งไม่ว่าอะไรก็ตามหากทำงานหนักเกินไปก็จะพังง่ายเป็นธรรมดา

คนที่เป็นเบาหวานเกิดจากเขาติดน้ำตาลมาก เพราะน้ำตาลเป็นสารเสพติดชนิดถูกกฎหมายชนิดหนึ่ง ยิ่งติดยิ่งเพิ่มปริมาณการกินมากขึ้น ยิ่งมาก ตับอ่อนทำงานหนักขึ้น สะสมอยู่นานสักระยะหนึ่ง และตับอ่อนก็ไม่ไหว ก็ล้าและค่อยๆ ผลิตอินซูลินได้น้อยลง เมื่ออินซูลินน้อยลง แต่น้ำตาลยังมีมากเท่าเดิม น้ำตาลก็ล้น บรรทุกเข้าโรงงานไม่ทัน น้ำตาลที่ค้างก็เป็นสารพิษตกค้าง เกิดภาวะที่ผมเรียกว่า “น้ำตาลเป็นพิษ” แม้ถงวันนั้นเราจะกินน้ำตาลไม่เกินมาตรฐาน อินซูลินก็มีปริมาณน้อยเกินกว่าที่มันจะเก็บได้หมดแล้ว

เมื่อระดับน้ำตาลของเราเกิน 120 mg/dL เราก็ได้รับข่าวว่าเป็นโรคเบาหวานทันที

ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก็ไม่ต่างจากผู้ติดสารเสพติดขั้นรุนแรง ติดน้ำตาลมาก ชนิดที่หากน้ำตาลในเลือดตก จะเวียนหัว หงุดหงิด ไม่สบายตัว เหมือนอาการลงแดง

กรณีเช่นนี้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น หากปล่อยไว้ในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดการทำลายหลอดเลือด และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่รุนแรงมากขึ้น เพราะภาวะน้ำตาลเป็นพิษ สร้างสนิมให้เซลล์กล้ามเนื้อทุกส่วนที่น้ำตาลไปจับ

โรคเบาหวาน แม้จะร้ายกาจและรุนแรงแต่ก็มีหลายคนอาจมองว่าเป็นโรคไกลตัว และเป็นคำพูดล้อคนที่กินน้ำตาลมาก เตือนกันแบบหยอกเย้า

แต่รู้หรือไม่ว่า ยุคนี้สมัยนี้ โรคเสื่อมที่ชื่อว่า เบาหวาน กลับเป็นโรคที่คนเสี่ยงเป็นกันเยอะมาก ไม่ว่าจะวัยไหน ไม่ต้องรอแก่เลย เพราะสมัยนี้มีผลวัจัยว่า คนไทยกินน้ำตาลโดยเฉลี่ยแล้วมากกว่า 6 ช้อนชาต่อวัน เมื่อน้ำตาลเกินแบบนี้ทุกวัน ตับอ่อนก็ทำงานหนักขึ้น จนมีโอกาสชำรุดสูงมาก ณ ตอนนี้เราอาจจะยังไม่เป็น แต่ก็ไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะเป็น หากยังไม่สนใจในเรื่องอาหารการกิน มันกำลังสะสมแต้มให้ถึงขนาด ครบเมื่อไหร่เบาหวานก็จะมาเยือน

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลกเป็นจำนวนมากกว่า 425 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 642 ล้านคนในปี พ.ศ. 2583 จากผลสำรวจสุขภาพประชาชนไทย เมื่อปี 2557 พบว่าคนไทยประมาณ 4.8 ล้านคนเป็นโรคเบาหวาน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี

มากกว่า 4.7 ล้านคน เป็นเบาหวาน
มากกว่า 1.3 ล้านคน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็น
โรคคร่าชีวิต อันดับ 4 ของโรคร้าย
เฉลี่ย 8 วินาที มีคนตายเพราะเบาหวาน 1 คน

วัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คน เป็นโรคเบาหวาน และ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร้อยละ 50 ไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งคุณเองก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ 
บุคคลที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และควรได้รับการตรวจคัดกรอง ได้แก่

  1. ผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป
  2. ผู้ที่อ้วน (มีค่าดัชนีมวลกายหรือ BMI มากกว่า 25) และมีญาติสายตรงเป็นโรคเบาหวาน ผมเชื่อว่า เบาหวานน้อยรายที่ส่งผ่านกันทางกรรมพันธุ์ แต่ส่วนมากส่งผ่านกันทางพฤติกรรมเลียนแบบ มีหรือพ่อแม่ติดหวาน แล้วลูกจะไม่ติดหวานไปด้วย ฝีมือแม่นั้นคุ้นเคยที่สุด 
  3. มีอาการโรคความดันโลหิตสูง
  4. มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ
  5. มีประวัติเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือมีประวัติคลอดทารกน้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม
  6. มีโรคหัวใจและหลอดเลือด
  7. สตรีที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่ 

โรคเบาหวาน ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคติดต่อ แต่เกิดจากพฤติกรรมการกินโดยแท้ หากรักสุขภาพดีเอง พยายามเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ใช่กินตามใจปาก เพราะไม่เช่นนั้น ต่อไปในอนาคตเราอาจต้องกินยาเป็นอาหารก็ได้

สำหรับผู้ที่กำลังเป็นเบาหวาน อย่าเพิ่งท้อใจ โรคนี้รักษาให้หายได้ หากเรารู้จักการรักษาที่ต้นเหตุ การเพิ่มอินซูลิน การกระตุ้นตับอ่อน นั่นก็ช่วยได้แต่ต้องยอมรับว่านั่นคือการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งส่วนมากผลลัพธ์ที่ได้จะทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะปัญหาต้นเหตุยังไม่ถูกแก้ไข เราต้องกระตุ้นตับอ่อนให้แข็งแรง นี่ต่างหากคือการสร้างระบบผลิตฮอร์โมนอินซูลินให้เป็นปกติ

โรคเบาหวาน โรคร้ายที่ไม่ไกลตัว

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง คลิก: BurinOnline.com/Yong

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*