Breaking News
Home » รวม » น้ำตาล แป้ง ข้าว กับ โรคเบาหวาน

น้ำตาล แป้ง ข้าว กับ โรคเบาหวาน

อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต)  นับเป็นอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานของเซลล์ต่างๆ ทั้งร่างกาย จึงเป็นหนึ่งใน 5 หมู่ของอาหารที่เราจำเป็นต้องกินให้ครบ ซึ่งอาหารประเภทนี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว กับคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว พูดง่ายๆ เลยคือ น้ำตาล ซึ่งเวลากินแล้วปุ๊บหวานทันทีในปาก เข้าร่างกายปุ๊บดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้เลย

คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คือ น้ำตาลเหมือนกัน แต่เป็นน้ำตาลที่หวานในลำไส้ มีด้วยหรือน้ำตาลหวานในลำไส้ นั่นก็คือ แป้ง ข้าว อะไรพวกนี้ ต้องผ่านการย่อยก่อน เมื่อแป้ง ข้าว ถูกย่อยมันก็จะกลายเป็นน้ำตาลแล้วดูดซึมเข้ากระแสเลือด

ไม่ว่าเราจะกินคาร์โบไฮเดรตประเภทไหนก็ตาม ขั้นสุดท้าย ก็จะถูกย่อยเป็นน้ำตาลและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าความเสี่ยงที่จะทำให้เราเกิดเบาหวานได้นั่นคือ ในกระแสเลือดของเรามีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า 120 มากๆ บ่อยๆ นานๆ ติดต่อกัน ยิ่งในเลือดมีน้ำตาลมากก็เหมือนกระแสเลือดของเรามีสารพิษมาก เมื่อมีสารพิษมาก ตับก็ทำงานหนัก ส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนอินซูลินของเรามีปัญหา และยังทำให้ร่างกายเราดื้ออินซูลิน ไม่ยอมเอาน้ำตาลไปให้เซลล์ใช้จนเซลล์ในร่างกายมีความอยากน้ำตาลมากขึ้น รวมถึงทำให้ร่างกายสะสมน้ำตาลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นบ่อเกิดของโรคเบาหวานนั่นเอง

แล้วจะทำอย่างไรที่จะทำให้เรากินอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรตได้อย่างปลอดภัยห่างไกลโรคเบาหวาน ทำได้ไม่ยากเลยแค่เพียงเราต้องเข้าใจกราฟตารางการย่อยน้ำตาลนี้

กราฟนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาการย่อยคาร์โบไฮเดรต กับระดับที่ร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด

  1. การกินน้ำตาล น้ำตาล คือ คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว หวานในปากทันทีโดยไม่ต้องย่อยก็ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เลย ซึ่งเมื่อเรากินน้ำตาลปุ๊บ น้ำตาลถูกดูซึมเข้ากระแสเลือดในปริมาณที่สูงแตะ 400 ในเวลาที่รวดเร็ว แล้วตกลงมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นเราจึงมากอร่อยมากเวลากิน แต่ไม่อยู่ท้อง ส่งผลให้เราหิวบ่อย เมื่อหิวบ่อยก็กินบ่อย อารมณ์ประมาณว่า กินชานมมาเมื่อเย็น ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลพอๆ กับข้าว 2 ทัพพี แต่พอสักชั่วโมงเราก็หิวข้าวก็กินเข้าไปอีกที หิวบ่อยกินบ่อย น้ำตาลก็ขึ้นไปเกินค่าปกติบ่อย ตับก็ทำงานหนักขึ้น ใช้ไม่หมดก็เก็บสะสม จริงๆ แล้วเชื่อไหมครับว่าน้ำตาลนับเป็นอาหารเกินความจำเป็น เราไม่กินน้ำตาลก็ไม่ตายนะ แต่มนุษย์สร้างน้ำตาลขึ้นมาเพื่อตอบสนองความอร่อยของอาหารเท่านั้นเอง
  2. การกินแป้ง แป้งก็เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ต้องมีการย่อยก่อนถึงจะเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ ฉะนั้นจึงใช้เวลาดูดซึมนานกว่าน้ำตาล แต่แป้งก็ผ่านการบดจนละเอียดมาก แม้จะต้องผ่านการย่อยแต่ย่อยนิดเดียวก็เป็นน้ำตาลแล้ว นอกจากนี้ การกินแป้งยังทำให้เราอิ่มช้าด้วย เราจึงกินได้มาก เมื่อมีการย่อยที่รวดเร็วก็ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับที่สูง โดยใช้เวลาย่อย สามารถให้น้ำตาลเราได้ประมาณ 300 ในเวลา 4 ชั่วโมง
  3. ข้าว ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ยังไม่ผ่านการบดย่อย จึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายต้องย่อยจากข้าวเป็นแป้ง จากแป้งเป็นน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย แต่การกินข้าวขาวผ่านการขัดสีก็นับว่าสามารถผลิตน้ำตาลได้สูงในเวลาไม่เร็วและไม่ช้า สามารถให้น้ำตาลเราได้ประมาณ 250 ในเวลา 5 ชั่วโมง
  4. ข้าวไม่ขัดสี ข้าวเหมือนกัน ความแตกต่างคือไม่ได้ผ่านการขัดสี เชื่อไหมครับว่า สีมอๆ ที่อยู่บนข้าวมันคือสารอาหารชั้นยอดที่ธรรมชาติสร้างมาให้คู่กับข้าว ธรรมชาติรู้ดีถึงอันตรายของการกินข้าว ธรรมชาติจึงสร้างกากใยธรรมชาติเคลือบข้าวไว้ ซึ่งกากใยนี้มีคุณสมบัติบล็อกการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือดได้ และยังทำให้ร่างกายเราใช้เวลาย่อยข้าวประเภทนี้นาน เพราะมันต้องย่อยกากใยก่อนแล้วค่อยๆ ย่อยข้าวให้เป็นแป้ง และเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล กากใยพวกนี้ก็บล็อกน้ำตาลให้ร่างกายค่อยๆ ดูดซึม เมื่อน้ำตาลค่อยๆ ถูกดูซึม ทำให้ในกระแสเลือดมีระดับน้ำตาลที่ไม่สูงมาก และค่อยๆ ปล่อย เราก็ไม่รู้สึกหิวบ่อยๆ แม้ในกราฟเราอาจจะเห็นว่า ระดับน้ำตาลในเลือดก็เกินอยู่ดี แต่ก็นับเป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ปลดปล่อยน้ำตาลได้ดีที่สุดในปัจจุบันแล้ว เราสามารถบล็อกการดูดซึมน้ำตาลได้อีกนะหากเรากินผักเป็นกับข้าวเยอะๆ กากใยในพืชก็จะช่วยบล็อกการดูดซึมน้ำตาลให้เข้าสู่กระแสเลือดช้าลงได้อีก

การดูแลสุขภาพนั้นก็เป็นเรื่องดี แต่ความสุขของการกินอาหารก็สำคัญเหมือนกัน ฉะนั้นผมไม่ได้ห้ามไม่ให้เรากินอาหารอร่อย ผมเพียงอยากจะบอกเราว่า หากจะกินต้องกินอย่างมีสติ กินเท่าที่จำเป็น ไม่มีอาหารไหนทำร้ายเราหรอก แต่การกินอาหารมากเกินไปต่างหากที่ทำลายเรา กินให้พอดี จะได้มีโอกาสกินของอร่อยๆ ได้นานๆ

กินน้อยๆ จะได้กินนานๆ

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*