ระยะเวลาการย่อยอาหารของกระเพาะ

ทุกอย่างที่เรากินจับยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวด้วยความอร่อย เมื่อผ่านปากกลื่นลงคอแล้วจะเข้าสู่กระเพาะอาหารของเรา กระเพาะมีหน้าที่ย่อยให้สิ่งที่เรากินนั้นมีชิ้นที่เล็กลงไปให้ร่างกายสามารถดูดซึมเอาคุณค่าทางอาหารไปใช้ประโยชน์

ในส่วนของกระเพาะทำหน้าที่ย่อยอย่างเดียว ไม่ได้ดูดซึม และเมื่อผ่านการย่อยในกระเพาะแล้ว อาหารทั้งหมดจะเข้าสู่ลำไส้เล็กเพื่อทำการดูดซึม ซึ่งในส่วนนี้จะไม่มีการย่อยอีกแล้ว นอกจากอาหารที่เป็นผัก ผลไม้ ในกระเพาะมีภาวะเป็นกรด ย่อยเนื้อได้ดี ส่วนลำไส้เล็กมีภาวะเป็นด่าง ยังสามารถย่อยผัก ผลไม้ และแป้งได้

ประเด็นคือการย่อยในระบบกระเพาะนั้น มันใช้วิธีการย่อยด้วยกรด เมื่อย่อยจึงมีแก๊สกรดให้เราเรอ และการย่อยของกระเพาะก็มีเวลาย่อยที่จำกัด หากครบระยะเวลาปุ๊บ อาหารจะส่งต่อไปที่ลำไส้ทันที โดยไม่สนใจว่าย่อยหมดหรือไม่ ถ้าย่อยหมดก็ดี ลำไส้ดูดซึม กากใยที่ดูดซึมไม่ได้ก็ลำเลียงขับออกไปที่ลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าย่อยไม่หมด อาหารนั้นจะเริ่มเน่าเพราะแบคทีเรียในลำไส้ทำงาน ซึ่งภาวะเน่าจะเกิดภาวะกรด ทำให้ลำไส้มีกรดและกรดนั้นมีโอกาสถูกดูดซึมเข้าระบบเลือด เมื่อร่างกายมีภาวะกรดไม่สมดุลส่งผลให้เราใรโอกาสเกิดสารอนุมูลอิสระ มะเร็ง และโรคเสื่อมอีกมากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะ กรดไหลย้อย เป็นแผลในกระเพาะ ท้องเสีย ท้องผูก และมะเร็ง

ฉะนั้นการที่เราจะมีสุขภาพที่ดี ต้องเลือกกินอาหารที่เหมาะสมกับการทำงานของระบบย่อยอาหาร ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องรู้ว่า การกินอาหารแต่ละประเภทอาหารนั้นจะอยู่ในรางกายเรานานขนาดไหน ยิ่งอยู่นาน ยิ่งก่อให้เกิดแก๊สกรดมากขึ้น และสิ่งนี้แหละที่เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ มากถึง 80% เลยทีเดียว

น้ำเปล่าไม่ต้องย่อย ดูดซึมได้ทันที น้ำจึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก และย่อยง่าย แต่ต้องเป็นน้ำเปล่านะ ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสม อันนี้ก็ต้องย่อย

ผลไม้ ใช้เวลาย่อยประมาณ 20 นาที จึงเป็นธรรมดาที่กินสลัดแล้วไม่ค่อยอยู่ท้อง กินแป๊บๆ หิวซะงั้น แต่ก็นับว่ากระเพาะย่อยง่าย เบากระเพาะ ถ้าเราอยากจะดูแลด้วยเองด้วยการลด ละ เลิก การกินเนื้อ ก็จะดีมากแล้ว ตอนแรกๆ อาจจะทรมานหิวมาก เพราะเราชินกินเนื้อมานาน ต้องให้เวลากระเพาะปรับตัวด้วย โดยแบ่งมื้ออาหารให้บ่อยกว่าเดิม แล้วค่อยๆ ลดจำนวนลง และค่อยๆ ลดมื้ออาหารลงเป็นลำดับ

ผัก ใช้เวลาย่อยประมาณ 30 – 40 นาที ก็ทำให้เราอยู่ท้องมากขึ้น และย่อยง่ายพอๆ กับผลไม้เลย แต่ก็คงไม่อยู่ท้องเท่าเนื้อ เรื่องนี้ต้องปรับกระเพาะ

ผักสุก จะย่อยยากขึ้นนิดหน่อย อยู่ท้องมากขึ้น แต่ก็ยังทำให้กระเพาะทำงานหนักมาก แต่ผักสุกที่ดีที่สุดควรสุกด้วยการนึ่ง ต้ม  แต่ก็อย่านานเกินไป เพราะวิตามิน เกลือแร่บางประเภทอาจเสื่อมคุณภาพได้เมื่อเจอความร้อนนานเกินไป ส่วนปิ้งย่าง ส่วนที่ไหม้เป็นสารก่อมะเร็ง กินมากไม่ดี ส่วนผักทอดมีส่วนผสมของน้ำมัน ไขมัน

เนื้อปลา นับว่าเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายที่สุดในบรรดาเนื้อสัตว์ทั้งหลาย แต่ก็ยังคงย่อยยากกว่าผักอยู่ดี ถ้ายังละ เลิกเนื้อสัตว์ไม่ได้ เนื้อปลานับเป็นอาหารที่เป็นทางเลือกที่ดี ดีกว่าหิวเนื้อจนต้องไปกินเนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพราะเนื้อสัตว์เหล่านั้น เส้นใยมาก เหนียว และย่อยยากมากๆ

น้ำสลัด ย่อยยากกว่าเนื้อปลาซะอีก อย่างที่ผมบอกไปว่าของเหลวนั้นย่อยง่าย แต่ถ้าของเหลวมีส่วนผสมก็จะทำให้ย่อยยากกว่าเดิม นี่แหละสาเหตุที่ทำไมกินสลัดผักถึงอยู่ท้อง แต่น้ำสลัดก็ยังอยู่ในขั้นของการย่อยง่ายอยู่ดี แต่อย่่าลืมว่า น้ำสลัดมีส่วนผสมอื่นๆ ถ้ากินมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดโรคได้ เช่น น้ำตาล ครีม 

พืชประเภท แป้ง นับว่าเป็นอาหารที่ย่อยได้ในระดับกลาง ย่อยไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนะครับ อาหารประเภทแป้ง ใช้เวลาย่อยประมาณ 2 ชั่วโมงเลย จึงเป็นอาหารที่เรานิยมกินเป็นอาหารหลัก พอย่อยหมดก็ถึงมื้ออาหารต่อไปพอดี แต่ก็อย่าลืมนะครับว่า แป้งถูกย่อยก็เป็นน้ำตาล เมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไปก็จะทำให้ตับอ่อนทำงานหนัก โรคเสื่อมก็ตามมา ฉะนั้นกินให้ให้ดี อย่าอิ่มเพราะแป้ง แต่ขอให้อิ่มเพราะผักผลไม้ดีกว่าครับ

ธัญพืช อิ่มนานพอๆ ก็แป้งเลย แต่มีแป้งและน้ำตาลน้อยกว่าพืชประเภทแป้งมากกว่าเยอะมาก จึงเป็นที่นิยมของผู้สนใจลดหุ่น อิ่มนาน อยู่ท้อง น้ำตาลน้อย ดีเลยทีเดียว

นม เนย ก็อยู่ท้องไม่แพ้กับพืชประเภทแป้ง แถมมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าด้วย ถ้าอยากงดมื้ออาหาร นมก็สามารถช่วยให้หายหิวได้

เนื้อไก่ เป็นอาหารที่เริ่มย่อยยาก แม้จะใช้เวลาย่อยพอๆ กับแป้ง แต่มีเส้นใยอาหารที่เหนียวกว่า อยู่ท้อง แต่ควรเน้นกินอกไก่นะ เพราะมีไขมันน้อยกว่าส่วนอื่น

เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นับเป็นอาหารที่ย่อยยากมากๆๆๆ และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราอาหารไม่ย่อย มีของเสียค้าลำไส้มากมาย ซึ่งกระเพาะเราเด็กๆ อาจใช้เวลาย่อยได้นาน แต่พออายุมากขึ้น กระเพาะมีระยะเวลาที่สามารถย่อยได้น้อยลง น้อยกว่า 3 ชั่วโมงด้วย เพื่อครบกำหนด แต่ไม่อาจย่อยเนื้อได้หมด เนื้อพวกนั้นก็กลายเป็นของเสียในลำไส้ บ่อเกิดของโรคต่างๆ ยิ่งเนื้อที่ใช้เวลาย่อยนาน ก็ยิ่งตกค้างเป็นของเสียในลำไส้มากขึ้นเท่านั้น นี่ไม่รวมสารตกค้างในเนื้อ และสารอนุมูลอิสระที่ก่อเกิดขึ้นทุกครั้งที่น้ำย่อยได้ย่อยเนื้อ ผู้ที่กินแต่เนื้อจึงมักแก่กว่าวัย มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเสื่อมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ ตับ ไต หัวใจ ระบบเลือด และมะเร็ง 

สุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน ไม่ใช่มีหมอดีมีความชำนาญ โรงพยาบาลดี เครื่องมือการแพทย์ดี แต่การมีสุขภาพดี คือ การเริ่มต้นด้วยการเลือกกินอาหารในแต่ละมื้อให้เหมาะสมและสมดุล ผักผลไม้ 2 ส่วน เนื้อ 1 ส่วน แป้ง 1 ส่วน

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง และอื่นๆ คลิก:BurinOnline.com/Yong