Breaking News
Home » รู้ไว้ไกลโรค » สมุนไพรจีนโหย่งเหิงกับ ภาวะกระทุ้งพิษ (Healing Crisis)

สมุนไพรจีนโหย่งเหิงกับ ภาวะกระทุ้งพิษ (Healing Crisis)

หากร่างกายเรามีปัญหาเกี่ยวกับโรคเสื่อม โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค หรือเรียกว่า “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” เช่น  มะเร็ง เบาหวาน โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ หอบหืด ภูมิแพ้ แพ้ภูมิตัวเอง ความดัน ฯลฯ โรคเหล่านี้ก่อนที่จะกลายเป็นโรคขึ้มมา มันมีการสะสมของเสียบางอย่างในร่างกายสักระยะหนึ่งแล้ว อาจดูเหมือนว่าแต่ละโรคมันแตกต่างกัน แต่โรคเหล่านี้กลับมีสาเหตุเกิดอย่างเดียวกัน นั่นคือ ภาวะระบบเลือดเป็นพิษ (ภาวะอนุมูลอิสระเต็มร่างกาย) อวัยวะส่วนไหนที่ทนไม่ไหวก็จะเกิดโรคเสื่อมแบบลูกโซ่่ โยงใยกันแบบเป็นระบบ ระบบไหนล้ม ระบบอื่นๆ ก็เอียงตามมาและจะล้มในอนาคต จึงไม่แปลกเลยว่าทำไม พอเราเป็นโรคเสื่อมสักโรค สักพักก็มักจะมีอีกโรคหนึ่งแทรกขึ้นมา เช่น ความดัน หลอดเลือด เส้นเลือดตีบ ตามมาเป็นโรคสองโรคสาม และรักษายาก ยิ่งนานไปยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ใช่เรื่องของกรรมเวรอะไร แต่เพราะมันก็เกิดจากสาเหตุเดียวกันแล้วแตกออกเป็นหลายโรคได้ ขึ้นอยู่ที่ว่ามันไปทำให้ระบบอะไรในร่างกายล้มนั่นเอง เช่น หากสะสมน้ำตาลมากก็เป็นเบาหวาน หากสะสมกรดยูริคมากก็เป็นเก๊าส์ แล้วต่อด้วยไตทำงานหนักเพื่อขับพิษ จึงเป็นไต เป็นความดัน และหัวใจด้วย เป็นต้น 

ฉะนั้นหากเราต้องการหายจากโรคเสื่อมเหล่านี้ การรักษาด้วยการทำลายไม่ให้เกิดอาการดอย่างเดียวไม่ได้ทำให้หายนะครับ เพราะมันคือการแก้ไขที่ปลายเหตุเท่านั้น เหมือนกับการที่เรานั่งตีแมลงวันแต่กลับไม่เอาขยะออกไปทิ้ง การทำให้หายเราต้องเอาสารพิษออกจากร่างกายและฟื้นฟูอวัยวะหลักของระบบต่างๆ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ 

การจะเอาสารพิษออกนี้เองที่จะทำให้ร่างกายของเราเกิดภาวะหนึ่งที่ชื่อว่า “ภาวะกระทุ้งพิษ” (Healing Crisis)

ภาวะกระทุ้งคือ ภาวะที่ร่างกายดึงสารพิษที่คั่งค้างตามกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก และอื่นๆ ออกมาไว้ในระบบกระแสเลือดเพื่อทำการขับทิ้งตามระบบ เป็นช่วงการปรับตัวของร่างกายเพื่อขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพื่อเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูเซลล์ สร้างเซลล์ใหม่ การขับพิษจะขับออกทุกช่องทางของร่างกาย เมื่อพิษหมด ร่างกายก็จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้

ช่วงเวลานี้ร่ายกายจะมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างเหมือนสารพิษกำลังกำเริบ ร่างกายจะดูแย่กว่าเดิม เหมือนตอนเราเป็นอิสุกอิใสแล้วดื่มยาเขียว ยิ่งดื่มตุ่มยิ่งออกมากมาย เป็นช่วงที่ผู้ป่วยจะเข้าใจผิดมากที่สุด

“ฉันแพ้ยาแน่ๆ ยาบ้าอะไรไม่รู้ ยิ่งกินยิ่งเป็น”

ภาวะนี้มักจะเกิดกับยาสมุนไพร อาหารเสริมที่มีฤทธิ์ขับล้างสารพิษ แต่มักไม่เกิดกับยาเคมี เพราะยาที่แตกต่างกันมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ยาสมุนไพร มันทำตัวเหมือนพายุ ที่มักเข้าไปพัดเพื่อปรับสมดุล ส่วนไหนไม่สมดุลก็จะเข้าไปโหมให้มันสมดุล แต่ยาเคมี มักทำตัวเป็นฝน ที่พยายามกดไม่ให้อาการโรคเกิด (แต่สารพิษก็ยังคงกองอย่างสงบอยู่ที่เดิมรอการปะทุ หากเกินเยียวยาก็ตัดออกเท่านั้นเอง) เป็นการรักษาร่างกายแบบสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อผ่านพ้นภาวะกระทุ้งสารพิษถูกขับออกจนสุดแล้ว อาการก็จะดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม ฟ้าหลังฝน มันสดชื่นมากกว่าก่อนพายุเข้าซะอีก

สารพิษอาจจะเกิดจาสารเคมี ยาเคมี มลพิษ และรวมถึงสารธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นแต่มากเกินจนสะสมคั่งค้างในส่วนต่างๆ

ภาวะกระทุ้งพิษ มักจะเกิดขึ้นและใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์แรกของการรักษาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ แล้วแต่อาการของแต่ละคน ถ้าสารพิษสะสมมาก ก็นานและแรงหน่อย เป็นเวลาที่ใช้ในการดึงของเสียที่ตกค้างในร่างกาย ออกมาขับออกตามธรรมชาติ ภาวะกระทุ้งพิษในช่วงพีคๆ จะเป็นอยู่ประมาณ 2-3 วัน แต่ถ้าร่างกายของผู้ป่วยไม่แข็งแรงอาจจะเป็นอยู่เป็นสัปดาห์ หรือมากกว่าก็ได้
และภาวะกระทุ้งพิษ อาจจะไม่เกิดครั้งเดียว อาจเกิดซ้ำได้หลายครั้ง เพราะการขจัดสารพิษที่สะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อเปรียบเสมือนการลอกหัวหอมออกไปทีละชั้นๆ จนกว่าจะหมด อย่าเพิ่งท้อถอยไปซะก่อนหละ

 อาการของภาวะกระทุ้งพิษที่พบบ่อยๆ ได้แก่

  • ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อย อันนี้พื้นฐานเลย เมื่อยาเข้าไปกวนสารพิษที่สะสมกันเป็นนิคม เมื่อเพื่อนมันกำลังจะถูกดึงออก มันกำลังเสียสมดุล มันจะต่อต้าน การต่อต้านนั้นส่งผลให้กรดในข้อ ในกล้ามเนื้อไม่สมดุล เกิดอาการปวดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเก๊าส์ ซึ่งมีกรดยูริคสะสมมรข้อมาก ก็กรดยูริคออกคือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่การดึงออกมันจะทำให้เราปวดมาก และเมื่อดึงออกหมดแล้ว ทีนี้อาการปวดก็จะน้อยลงหรือไม่เกิด เพราะไม่มีกรดทำให้ปวดอีก เป็นต้น 
    ข้อบวม บวมแน่นอนครับ ผลพวงจากการยื้อกันระหว่างยากับสารพิษนั่นเอง อย่าหยุดให้ต่อเนื่อง ไม่นานสารพิษจะแพ้ไปเอง
  • ท้องเสีย อันนี้เป็นได้เพราะการถ่าย คือ การขับของเสียหลักสำคัญของร่างกายเลย โดยเฉพาะผู้ที่มีของเสียสะสมในระบบทางเดินอาหาร หรือในลำไส้ (มีมากซะด้วยสิ)
  • ท้องผูก บางคนอาจมีอาการนี้ได้ เพราะสารพิษไปกวนการทำงานของลำไส้ ก็มันไม่อยากออกจากตัวเรา แต่ไม่ต้องห่วยสารพิษถูกสะสมอยู่ในอุจจาระไว้แล้ว มันเป็นการงอแงครั้งสุดท้ายของสารพิษที่อยู่กับเรามานาน
  • ปวดท้อง เป็นอาการที่ระบบเลือดน้ำเอาสารพิษมาทิ้งถมที่ระบบทางเดินอาหารเพื่อหวังให้เอามันขับออกไป หรือบางครั้งเป็นการปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหารก็ทำให้ระบบการย่อยบิดตัวได้
  • อ่อนเพลีย มันมีบางกรณีที่ร่างกายเราใช้พลังต่อสู้กับสารพิษ ทำให้เราอ่อนเพลียได้
  • กระวนกระวาย ก็เพราะร่างกายเรากำลังไม่สมดุล ความกระวนกระวาย นอนไม่หลับ หงุดหงิด ปวดหัว เวียนหัว อาจเกิดขึ้นได้เป็นปกติ
  • คลื่นไส้อาเจียน อันนี้กรณีสารพิษที่รุนแรง ถึงขั้นร่างกายรับไม่ไหว เมื่อสารพิษถูกดึงออกมาทำให้ความเข้มข้นของสารพิษในเลือดมีมาก ร่างกายต้องเร่งขับออก หากเป็นสารพิษที่รุนแรง ร่างกายต้องรีบขับออกในทางกระตุ้นให้คลื่นไส้ อาเจียนออกมา
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล เกิดขึ้นเพราะปริมาณสารพิษในเลือดเพิ่มขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันจึงทำงานทันที คัดจมูก น้ำมูกไหลคือผลของการทำงานของระบบภูมิต้านทาน
  • มีไข้ หนาวสั่น สารพิษบางอย่างอาจทำให้เราเป็นไข้ได้ การเป็นไข้ คือ รูปแบบการขับสารพิษรูปแบบหนึ่ง ขับออกผ่านอุณหภูมิร่างกาย
  • อาการเหมือนไข้หวัด มันคืออาการไม่สบายตัว เป็นธรรมดาเมื่อร่างกายไม่สมดุลความไม่สบายตัวจะบังเกิด
  • ปัสสาวะบ่อย ก็เพราะปัสสาวะเป็นช่องทางขับของเสียอีกทางหนึ่ง ฉะนั้นหากอยากขับของเสียออกจากร่างกายให้ไวกว่าเดิน และง่ายที่สุดคือ ดื่มน้ำมากๆ ปัสสาวะบ่อยๆ
  • ความดันโลหิตต่ำ – สูง อันนี้มักจะเกิดกับผู้มีปัญหาเรื่องความดัน หลอดเลือด หัวใจ การปรับสมดุลจะทำให้ความดันต่ำจะสูงขึ้น ความดันสูงจะต่ำลง เข้าสู่ภาวะปกติ จึงอาจเกิดภาวะความดันแกว่งได้
  • ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นคัน เป็นฝ่า อันนี้มักเกิดบ่อย หากเรามีสารพิษค้างอยู่ในผิวหนังชั้นใน ในเนื้อ ร่างกายจะดันออก ดันออก และดันออกจนสารพิษออกมาสะสมอยู่บริผิวหนังชั้นนอกสารพิษบางตัวก็หลุดได้ บางตัวต้องหลุดไปพร้อมหนังกำพร้าที่กำลังจะหลุด บางทีเป็นการบ่งบอกว่า ณ ตอนนี้สารพิษอยู่ในเลือดเพิ่มมากขึ้นและกำลังอยู่ระหว่างการขับออก ให้ดื่มต่อวันน้ำเยอะๆ และบ่อยๆ
  • น้ำตาลในเลือดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน หลักการเดิมครับ น้ำตาลส่วนเกินที่คั่งค้างในกล้ามเนื้อ คือสารพิษ ทำให้เราเป็นเบาหวาน การขับพิษคือการเอาน้ำตาลออกมา เมื่อน้ำตาลออกมาจากกล้ามเนื้อก็ทำให้น้ำตาลให้เลือดสูงขึ้น รอการขับออก

ฉะนั้นสรุปง่ายๆ นะครับ สารพิษในร่างกายที่คั่งค้างในส่วนต่างๆ เมื่อเรากินยาเพื่อขับมันออกมา เป็นการกวนนิคมสารพิษให้สั่นสะเทือน อาการกระทุ้งพิษจึงเกิด เมื่อดึงออกมาได้แล้ว สารพิษจะอยู่ในระบบเลือด เพื่อนำออกไปขับออกในรูปแบบต่างๆ ตามระบบปกติของร่างกาย ซึ่งช่วงนี้ร่างกายจะมีอาการแปลกๆ บางอย่าง ดูเหมือนแย่ลง ก็ใช่หละครับ เพราะของเสียกำลังวิ่งกันให้ทั่วไปหมด เหมือนช่วงเวลาสงกรานต์ที่รถพลุกพร่านออกจากกรุงเทพ แต่พอพ้นช่วงเวลานั้นปุ๊บ กรุงเทพแทบไม่มีรถขวักไขว่เลย

หากเรากำลังรู้สึกว่าภาวะกระทุ้งพิษมันหนักเหลือเกิน อันนั้นโชคดีแล้วครับ เพราะยากำลังเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูกร่างกายเราให้แบบเอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งตัดสินใจในผลลัพธ์หากยังเช็ดล้างยังไม่เสร็จ อย่าเพิ่งคิดว่าเราแพ้ยา เพราะมันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ ให้ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ขับถ่ายให้เป็นเวลา จะช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลานี้ได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม

สุดท้าย อย่าเพิ่งยอมแพ้ ให้เวลากับการขับสารพิษหน่อย เราเคยให้เวลาเอาสารพิษเข้าสู่ร่างกายมาหลายปี วันนี้ลองให้เวลากระทุ้งพิษดูสักครั้ง เมื่อผ่านพ้นภาวะนี้ไปแล้วคุณจะได้ชีวิตใหม่อย่างแน่นอน

เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ ครับ

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง และอื่นๆ คลิก: BurinOnline.com/Yong

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*