ตลอดระยะเวลาที่ผมได้รู้จักกับผู้มีอาการปวดกระดูก เพราะโรคเก๊าท์ มักจะพบวิธีการรักษาด้วยการให้กินยาละลายกรดยูริก
ซึ่งอาการก็ดีขึ้นชั่วขณะ แต่แล้วก็กลับมาปวดอีก พอระยะเวลาผ่านไปนาน ก็กลับมีโรคไต หรือนิ่วในไต เข้ามาสำทับเป็นโรคแทรกซ้อนอีก
จนหลายคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคปวดเก๊าท์ ว่า มันรักษาไม่หาย ทำได้เพียงแต่ประคับประคองอาการ หรือเชื่อไปว่า มันคือโรคจากเวรกรรม
จนกระทั่ง 4 ปี ที่ผ่านมา
ผมได้มีโอกาสรู้จักความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองควบคู่กับการรักษาอาการปวดเก๊าท์
ด้วยการพิชิตโรคจากต้นทาง แก้ไขฟื้นฟูร่างกายในจุดที่เป็นต้นเหตุบ่อเกิดอาการปวดเก๊าท์
หรือที่เรียกว่า "ธรรมชาติบำบัด ควบคู่การแพทย์"
เกิดจากร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูงจนเข้าไปเกาะกลุ่ม และตกผลึกสะสมตามข้อกระดูกต่างๆ ทำให้ปวด บวม แสบร้อน และอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นข้อต่ออักเสบ หรือข้อกระดูกติด
"กรดยูริก" เกิดจาก
- การย่อยกล้ามเนื้อของร่างกาย
- การย่อยอาหาร เช่น เนื้อ สัตว์ปีก เครื่องในยอดผัก กุ้งเคยหรือกะปิ ปลาซาร์ดีน หอยแมลงภู่ สารสกัดจากยีสต์
- เกิดจากภาวะการขาดวิตามิน C, การกินน้ำตาลในเครื่องดื่มน้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง,
- เกิดจากภาวะโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไตเริ่มเสื่อม โรคเบาหวาน ความผิดปกติของไขกระดูก โรคหลอดเลือดผิดปกติ เป็นต้น
- หรือเกิดจากระบบไตที่ทำงานผิดปกติ
หากปล่อยไว้นาน กรดยูริกจะสร้างความเสียหายให้กับข้อต่อหนักขึ้น รวมถึงกรดยูริกจะจับตกผลึกในไตเป็นนิ่วในไต และทำให้ไตเสื่อมหนักกว่าเดิม
