กินเหล้าวันปีใหม่ ระวังตายไว
สุขสันต์วันปีใหม่
เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะฉลองด้วยการกินเหล้า สุรา
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไปตามมารยาท
ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นอะไรก็ตาม แต่การกินเหล้ามากเกินกว่า 100 cc ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี
แม้คุณจะเมาไม่ขับแต่ก็มีความเสี่ยงที่คุณจะมีไขมันส่วนเกินในร่างกาย จนไปอุดตันหลอดเลือดและอาจทำให้อันตรายต่อชีวิตได้

ใบรางจืด สมุนไพรไทย ที่คนไทยใช้รักษาตัวเองมานานหลายรุ่นมากๆ
หากมองผิวเผิน ใบรางจืดจะมีลักษณะคล้ายกับใบย่านางมากๆ เพียงแค่ใบจะบางกว่าใบย่านาง ลักษณะต้นเป็นไม้เลื้อย

หากถามถึงสรรพคุณหลักๆ ที่หลายๆ คนก็รู้กัน ของรางจืด นั่นก็คือการ
ขับล้างสารพิษ
สิ่งนี้ถือเป็นสรรพคุณหลักเลย ถ้าใครรู้ว่าคืนนี้กำลังจะเมาและไม่ต้องการแฮงค์ในตอนเช้า ให้กินรางจืด ครับ จะช่วยไม่ให้แฮงค์ และลดภาวะตับถูกทำลายเพราะพิษสุรา
หรือใครที่จำเป็นต้องกินอาหารที่มีสารมากหรือมีพิษมาก เช่น หน่อไม้ แกงป่า เขาก็จะใส่รางจืดไปเพื่อดับสารกรดยูริกด้วย
จากสรรพคุณนี้เองที่ทำให้เราๆ ทำเป็นยาอัดเม็ดแคปซูลหลายยี่ห้อมาก

จากการวิจัยของคณะเภสัชกรรม จุฬาฯ เคยวิจัยว่า ใบรางจืดช่วยป้องกันเซลล์ตับตายจากพิษสุราในหลอดทดลอง (แต่เอาจริงๆ เลิกกินเหล้าไปเลยได้ผลชัวร์กว่านะ)
จากการวิจัยของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ เคยวิจัยว่า ใบรางจืดช่วยบำรุงตับ ลดแอลกอฮอร์ในลมหายใจ

ใบรางจืด มีสรรพคุณทางยา ดังนี้
– เถา ราก ช่วยแก้ร้อนใน บำรุงสตรีหลังคลอด บำรุงประจำเดือน
– ใบ ราก ช่วยถอนพิษไข้ พิษสารทุกชนิด ขับสารพิษออกจากร่างกาย แก้เมาค้าง พิษสุรา
– ปรับสภาพร่างกายไม่ให้ร่างกายมีภาวะเป็นพิษ ต้านมะเร็ง ลัความเสี่ยงเซลล์กลายพันธ์ุ
– ลดการอับเสบของเซลล์ต่างๆ
– ขับล้างสารสะสมส่วนเกิน น้ำตาลในเลือด กรดยูริก

ใบรางจืด จึงนับเป็นยาถอนพิษชั้นเลิศ ใช้ได้ทั้งคนและสัตว์

ข้อความระวัง
– รางจืดมีสรรพคุณขับล้างสารทุกอย่าง รวมแม้กระทั่งสารอาหารจากยา ฉะนั้นหากกินยา แล้วกินรางจืด ยานั้นจะถูกขับล้างไปหมด หากจะทานรางจืดกับยา ต้องให้ห่างกัน 2 ชั่วโมง
– ถ้ากินบ่อยเกินไป ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ คนเป็นโรคเบาหวานต้องกินอย่างระวัง
– ถ้ากินต่อเนื่องนานๆ จะทำให้ระบบเลือด ระบบตับ ระบบไต ทำงานผิดปกติ เสียสมดุล
– อย่ากินมากเกินไป จะมีสารสะสม ให้กิน 2-3 g ต่อวัน หรือไม่เกิน 500 mg
– ฉะนั้นต้องกินเป็นครั้งคราว และไม่ควรติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์

การกินที่ปลอดภัยมาที่สุดคือ การกินให้เป็นอาหาร
รางจืดไม่ใช่ยารักษาโรค
กินให้เป็นอาหาร ให้อาหารนั้นเป็นยา

เมื่อผมโตเป็นผู้ใหญ่ ผมมักชอบได้ยินหลายคนบอกว่า คนไม่กินเหล้า คือพวกเด็กอ่อน พวกอ่อนหัด และยกย่องว่าพวกคอแข็งนั้นเท่จังเลย ดูเป็นลูกผู้ชาย

สิ่งที่ผมอยากรู้นั่นคือ เรากินเหล้าแล้วร่างกายได้อะไร??

สุรา นับเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่มีทั้งคุณและโทษ หากดื่มในปริมาณที่พอเหมาะจะเป็นยาที่ได้รับการยอมรับ พระท่านยังกำหนดว่า ดื่มสุราไม่เกิน 1 ข้อนิ้วก้อย คือโอสถ

แต่หากเราดื่มในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยโทษของสุรามีตั้งแต่ขั้นเบาไปจนถึงขั้นรุนแรง เช่น สูญเสียการทรงตัว พูดไม่ชัด หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นหมดสติ และหากทานในปริมาณที่มากติดต่อกันนานๆ ร่างกายเราจะมีปัญหาด้านสุขภาพตามมาไม่รู้จบ

จากการวิจัยที่ประเทศฝรั่งเศส เชื่อว่าการดื่มแอลกอฮอร์สามารถป้องกันโรคหัวใจได้  ถ้าดื่มพอควร และแอลกอฮอล์ยังช่วยเพิ่มระดับไขมันดี ลดการแข็งตัวของเกร็ดเลือด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานอินซูลิน แต่หากดื่มมากเกินไปจะทำให้อ้วน เพิ่มความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันนำไปสู่เรื่องเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก และหัวใจล้มเหลวได้

ในด้านสมอง การดื่มสุราช่วยป้องกันความเสี่ยงอัลไซเมอร์และความจำเสื่อม แต่เมื่อดื่มสุรามากเกินไปจะทำให้สมองจะเสื่อมเร็ว กระทบต่อระบบประสาท ทำให้ชาตามมือ เท้า ปวดเนื้อปวดตัว และการดื่มสุรามากๆ ยังไปดึงวิตามิน และเกลือแร่ออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายเราขาดวิตามิน เกลือแร่ ถ้าดื่มเรื้อรังและรุนแรงมากอาจส่งผลให้ความจำและการเรียนรู้ลดลง เพิ่มความเสี่ยงการทำงานของสมองล้มเหลวได้

เรื่องเบาหวาน การดื่มสุราช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานลงได้ และยังลดความเสี่ยงโรคหัวใจด้วย แต่หากดื่มมากเกินไปจะทำให้อ้วนเพราะแอลกอฮลล์ให้พลังงานแคลอรี่สูง เป็นสาเหตุเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโรคหัวใจ ไขมันสะสม อ้วนลงพุงและร่างกายดื้อต่ออินซูลิน มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูง ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง และยังอันตรายต่อตับอีกด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มดื่มเมื่ออายุยังน้อย หรือผู้ที่ดื่มบ่อยจนคอแข็ง 

เรื่องสมรรถภาพทางเพศ การดื่มสุราพอเหมาะอาจจะทำให้มีความต้องการทางเพศสูง แต่หากดื่มเรื้อรังไปเรื่อยๆ ความต้องการทางเพศจะลดลง และอาจจะส่งผลทำให้ลูกอัณฑะเล็กลงได้ ส่วนในผู้หญิงตั้งครรภ์ถ้าดื่มสุรา จะทำให้เกิดการแท้งหรือคลอดบุตรเร็ว และบุตรมีโอกาสเกิดมาเป็นเด็กที่มีความผิดปกติได้สูง

สำหรับโรคมะเร็งนั้น มีวิจัยบอกว่าในไวน์แดงและเบียร์ดำมีสารโพลีฟีนอลสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจริงๆ แล้วเรากินผัก ผลไม้ น้ำชาก็ได้สารนี้พอๆ กัน ซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็ง แต่การดื่มมากเกินไปก็จะไปเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งในช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะ ตับ เต้านม และลำไส้ใหญ่ ซึ่งผู้ดื่มสุรามากเป็นประจำจะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าปกติถึง 10 เท่า เพราะการดื่มมากจะไปกระตุ้นให้สร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย โรคเสื่อมจึงถามหามากมาย และยังส่งผลให้ตับ ไตทำงานหนักมากในการขับถ่ายของเสีย ตับไตจึงเสี่ยงเสื่อมไว

ในส่วนกระดูก การดื่มสุรามากๆ จะไปรบกวนการสร้างมวลกระดูกและการทำงานของแคลเซียม วิตามินดี โพแทสเซียม และฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงเพิ่มความเสี่ยงกระดูกพรุนและทำให้กระดูกแตกหักจากการหกล้มได้ง่าย หรืออาจเกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบเฉียบพลันได้

นอกจากนี้ การดื่มสุรามากเกินไปยังมีผลกระทบต่อทางเดินอาหาร กระเพาะ ลำไส้ ให้เป็นแผลเรื้อรัง ตับอ่อนผลิตน้ำย่อยมากเกินไปตับอ่อนอักเสบ ทำให้เจ็บอก ปวดท้อง แอลกอฮอร์ส่วนเกินต้องถูกทำลายโดยตับ เมื่อดื่มสุรามากๆ จนเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน ตับก็ทนทานต่อไปไม่ได้ ปัญหาตับ ตับแข็ง มะเร็งตับ จึงมีโอกาสบังเกิดขึ้น ซึ่งจะมีอาการแน่นอก ระบบหัวใจระบบโลหิตรวน กล้ามเนื้อหัวใจทำงานไม่ดีอาจทำให้หัวใจโต เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ หลอดเลือดเปราะแตกง่าย และยังกระทบต่อเม็ดเลือดขาวทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง

สรุปข้อมูลได้ว่า สุรา แอลกอฮอร์นั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพมากมาย แม้กระทั่งในวงการแพทย์ทั้งอดีต แผนโบราณ และแผนปัจจุบันก็ยังให้การยอมรับคุณประโยชน์ของแอลกอฮอร์ เป็นส่วนผสมในยาบางประเภท แต่หากเราดื่มในปริมาณที่มากเกินไปคุณประโยชน์นั้นจะกลับกลายเป็นโทษทันที เพราะสุราก็เป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง ยิ่งหากได้ดื่มในปริมาณที่มากติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่นาน จะเกิดอาการเรื้อรัง ร่างกายจะทรุดโทรมเพราะเกิดอาการเสื่อมในชั้นเซลล์ของเรามากมาย บางครั้งร่างกายเราอาจจะทนได้ ไม่เจ็บปวด แต่เมื่อใดที่ร่างกายรู้สึกปวดบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ขอให้เตรียมรับมือคลื่นโรคร้ายระลอกที่รุนแรงดั่งสึนามิกำลังจะตามมา หลายคนอาจกลัวจึงพยายามหาซื้อยา อาหารเสริม หันมากินดีเพื่อสุขภาพ แต่อาการไม่ดีขึ้น เราต้องเข้าใจ เราทำร้ายร่างกายมากี่ขวบปีจะให้หายในบัดดลเพราะการดูแลตัวเองเพียงชั่วครั้งชั่วคราวคงเป็นไปไม่ได้ แต่หากใครยังไม่เลิกดื่มสุราในปริมาณที่มากอีก แม้จะกินคลีนก็ไม่มีทางทำให้อาการดีขึ้น อันนี้ต้องเข้าใจ

เราอาจจะมีคำถามว่าขนาดไหนถึงเรียกว่าปริมาณที่พอเหมาะ อันนี้ผมตอบไม่ได้ครับ มันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่หากจะเทียบเอาขั้นสูงสุด 10 CC เพียวๆ ไม่มีอะไรปน ก็นับว่าได้พอสมควรกับผู้ใหญ่แล้ว หากใครดื่มมากไปกว่านี้นั่นแหละปริมาณที่มากเกิน ยิ่งดื่มเอาเมาไม่ต้องพูดถึงเนาะว่าจะมากแค่ไหน

วิธีหลีกเลี่ยง และเลิกดื่มสุรา

1. อายุไม่ครบ 20 ปี ไม่ควรแตะต้องสุรา เพราะจะติดสุราได้ง่ายกว่าเดิม
2. ควรขจัดค่านิยมที่ว่า ลูกผู้ชายต้องดื่มสุรา คอแข็งคือเท่
3. ผู้ที่ดื่มสุรามากควรจะศึกษาโทษและอันตรายที่เกิดกับสุรา
4. ควรจะพยายามหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ดื่มสุราและแก้ไข สาเหตุนะ ไม่ใช่ข้ออ้าง บางครั้งเรามักมีข้ออ้างเพื่อตอบสนองความอยากกินสุรา
5. กรณีไม่สามารถเลิกได้อย่างจริงจัง ก็ให้ใช้ยาช่วยให้หยุดดื่มสุรา เนื่องจากถ้าได้กินยานั้นแล้ว เวลาดื่มสุราจะทำให้เกิดอาการอาเจียนทำให้ดื่มสุราไม่ได้
6. ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากดื่มสุรา เช่น โรคประสาท โรคตับ โรคกระเพาะ
7. ใจสู้ มันไม่ใช่เรื่องจริงที่หากคุณไม่ดื่มแล้วร่างกายคุณจะแย่ คุณก็แค่หาเหตุผลให้คุณดื่มได้โดยไม่รู้สึกผิดก็เท่านั้นเอง สุดท้ายทุกอย่างก็อยู่ที่ใจ หักใจพิชิตอาการลงแดงให้ได้ แล้วเราจะรอดจากการเป็นทาสน้ำเมา

สรุป แอลลกอฮอร์นั้นมีประโยชน์นะ เป็นยาทำให้เลือดลมไหลเวียนดี และอีกมากมาย แต่หากเราดื่มมากเกินไปสุรานั้นจะเป็นโทษมหันตร์ และยังเป็นสารเสพติด ซึ่งขึ้นชื่อว่าสารเสพติด กินไปนานๆ บ่อยๆ ร่างกายเราก็จะเสื่อมไว หากวันนี้ยังคงดื่มสุราทุกวัน งดสุราไม่ได้ คุณอย่าได้หวังลมๆ แล้งๆ ว่าคุณจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น แม้เทวดาก็ช่วยไม่ได้ 

ผมหวังอยากให้ผู้ชื่นชอบสุรา งดดื่มให้ได้ สุขภาพดีเริ่มต้นที่ปาก อย่าให้ถึงวันที่เฉียดความตายแล้วค่อยเลิก เพราะบางทีคุณอาจไม่มีโอกาสได้กลับตัวแล้ว

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง และอื่นๆ คลิก:BurinOnline.com/Yong

มะพร้าว นับว่าเป็นพืชที่คนไทยรู้จักดี ไม่มีใครที่ไม่เคยกิน จะกินสด กินน้ำ หรือแปรรูปเป็นกระทิ โรยหน้าขนม หรือแม้กระทั่งน้ำมันมะพร้าว และผลิตภัณฑ์อีกนานาชนิด

มะพร้าวอยู่คู่กับเรามานานมากจนเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาชาวบ้านในทุกๆ ด้าน รวมถึงด้านการดูแลสุขภาพด้วย มะพร้าวจึงเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรชั้นเลิศที่มีประโยชน์มากวันนี้เราจะมาคุยสรรพคุณของมะพร้าวที่เรากินสดแบบไม่ผ่านการแปรรูป 

มะพร้าว มีโครงสร้างเซลล์ที่เข้าได้ดีกับเลือด ในยามสงครามเราสามารถใช้น้ำมะพร้าวให้ผู้บาดเจ็บในสงครามที่เสียเลือด ความเจ๋งตรงนี้เองทำให้น้ำมะพร้าวถือเป็น sport drink ธรรมชาติที่แสนวิเศษสุด ชนิดที่ไม่มีน้ำดื่มสังเคราะห์ยี่ห้อไหนก็ยังทำให้สมบูรณ์เท่า ใครที่เป็นนักกีฬา หรือผู้รักในการออกกำลังกาย เมื่อเสียเหงื่อแล้ว ลองดื่มน้ำมะพร้าวดู คุณจะรู้สึกสดชื่นกว่า sport drink แถมยังปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนให้สมดุลอีกด้วย

นอกจากนี้ในมะพร้าว ยังมีไขมันดี ซึ่งไขมันส่วนนี้จะเข้าไปขจัดไขมันเลวที่ทำให้เราอ้วน มีไขมันอุดตันหลอดเลือด หากคุณกินมะพร้าวทุกวัน ไขมันเลวในร่างกายก็จะลดลงได้

1. น้ำมะพร้าวอุดมไปด้วย วิตามิน C B กรดอะมิโน แคลเซียม แม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก ไขมันดีและน้ำตาลกลูโคส
2. มีฤทธิ์เย็น ดับร้อน มีฤทธิ์เป็นด่าง ช่วยรักษาการที่ร่างกายมีกรดเกิน
3. น้ำมะพร้าวมีโครงสร้างเข้ากันกับโครงสร้างของเลือดได้ดี จึงเป็นน้ำคลายเหนื่อยได้ดี นอกจากนี้สมัยก่อน นักรบที่เสียเลือดมาก แพทย์สนามก็ใช้น้ำมะพร้าวให้ดื่มประทังไปพลางๆ ทดแทนเลือดด้วย
4. น้ำมะพร้าวเป็นน้ำไว้ขับล้างสารพิษได้
5. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง กำจัดเชื้อโรคและขับออกทางปัสสาวะ ดูแลอาการทางเดินปัสสวะอักเสบ ด้วยไซโตรคราย
6. คนไทยสมัยก่อนใช้น้ำมะพร้าวดูแลโรคหวัด หนองใน และไข้รากสากใหญ่
7. ช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสร้างฮอร์โมน
8. ช่วยดูแลผู้ป่วยโรคไต ขับล้างสารพิษ 
9. ในเนื้อมะพร้าวมีใยอาหารสูง ช่วยลดกรด
10. มีไขมันต่ำ เป็นไขมันดี สามารถชะล้างไขมันสะสมได้ ลดความอยากอาหาร เพราะสารอาหารเพียงพอ (กินนำเพียงวันละ 1 ลูก เนื้ออีก 2 ขีด หรือจะกินเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นวันละ 1 ช้อนโต๊ะ อย่ามากกว่านั้น เพราะไขมันมะพร้าวจะกลายเป็นไขมันสะสม อ้วนได้)
11. ล้างหน้าลดการอักเสบจากสิว โรคผิวหนัง ชะล้างสิ่งสกปรก ผิวชุ่มชื้น
12. ปรับความดันให้สมดุล ปรับฮอร์โมนให้คงที่
13. ช่วยเพิ่มเกลือแร่หลังออกกำลังกายได้ดี
14. แก้อาการปวดหัวเพราะเมาค้าง ชดเชยเกลือแร่และน้ำที่สูญเสียไป
15. ชะลอสมองเสื่อม เสริมฮอร์โมนเอสโตรเจนให้ผู้เป็นวัยทอง
16. ชะลอแก่
17. คนท้องดื่มน้ำมะพร้าวได้นะ ช่วยรักษาสมดุลฮอร์โมน วันละ 250 CC พอ
18. นักกีฬาดื่มจะช่วยให้หายเพลียไว

#อย่ากินมากนะถ้าเอสโตรเจนมากก็เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่ถ้าน้อยไปก็เสี่ยงเป็นมะเร็งปากช่องคลอดได้

แต่ข้อควรระวังในการกินมะพร้าว เนื่องจากมะพร้าวมีไขมัน ฉะนั้นอย่ากินมากเกินไป วันละ 1 ลูก เนื้อไม่เกิน 2 ขีด ก็เพียงพอแล้ว ที่สำคัญหากเราอยากได้คุณค่าทางอาหารจากมะพร้าวอย่างเต็มที่ ควรกินแบบปอกสด ปอกแล้วควรดื่มภายใน 30 นาที สำหรับใครที่ต้องการดื่มน้ำมันมะพร้าวเพื่อหวังให้เข้าไปทำลายไขมันเลวนั้น ก็ให้ดูด้วยว่า น้ำนัมมะพร้าวนั้นมาจากการสกัดเย็น หรือต้มด้วยความร้อน เพราะหากไขมันมะพร้าวโดนความร้อน มันจะเปลี่ยนเป็นไขมันทรานต์เอาง่ายๆ เลย ซึ่งไขมันทรานต์คือไขมันเลวที่จะค่อยอุดดันในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง คลิก: BurinOnline.com/Yong

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไวรัส หรือแบคทีเรีย

95% โรคพวกนี้เกิดจากพฤติกรรมของเราในอดีต เราทำร้ายตัวเองใช้ร่างกายเปลืองเกินกว่าที่ธรรมชาติให้มา ทำให้อวัยวะส่วนนั้น เสื่อมเร็วกว่าที่ควรจะเป็น หรือบางครั้งก็เกิดจากวัยที่ชราภาพลง ร่างกายจึงเกิดสึกหรอ เสื่อมเป็นธรรมดา บางคนจึงเรียกว่า โรคเสื่อมของร่างกาย (NCDs)

โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น มะเร็ง โรคไต โรคตับแข็ง ตับเสื่อม ไขมันพอกตับ ไตวาย ภูมิแพ้ แพ้ภูมิตัวเอง หอบหืด เลือดจาง ปวดข้อ เก๊าต์ โรคกระเพาะ หลอดเลือดแตก หลอดเลือดตีบ ไขมันอุดตัน คอเลสเตอรอล เนื้องอก ปวดเมื่อย อัลไซเมอร์ ความจำเสื่อม เบาหวาน แผลกดทับ ปวดมดลูก ปวดประจำเดือน มดลูกต่ำ ซีส ความดัน ฮอร์โมนไม่คงที่ โรคหัวใจ ไทรอยด์ ระบบประสาท เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และโรคเรื้อรังต่างๆ 

ส่วนเรื่องกรรมพันธุ์ จะเป็นสาเหตุไหม??

ผมยกให้ว่าเป็นแค่ข้อความเสี่ยงเท่านั้นครับ แต่ยังไม่ปักใจว่าจะเป็นสาเหตุ ยกเว้นเรื่องเดียวเลยคือ อวัยวะส่วนนั้นเกิดบกพร่องมาตั้งแต่เกิด เช่น มีไตข้างเดียว มีตับอ่อนไม่ดี มีหัวใจไม่แข็งแรง แต่ถ้าเกิดมาสมบูรณ์ทั้ง 32 แล้วจะมาเกิดโรคเสื่อมภายหลัง กรรมพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องครับ 

มันไม่ได้เสมอไปที่พ่อแม่เป็นโรคเสื่อมแล้วลูกจะเป็นนะ แต่…ส่วนมากมักเป็น มันไม่ได้สืบสายผ่านสายเลือด แต่มันติดต่อกันผ่านพฤติกรรมเล่นแบบ พ่อแม่กินหวาน มีหรือที่ลูกที่อยู่ใกล้จะไม่กินหวานไปด้วย พ่อแม่ถ่ายทอดพฤติกรรมความเสี่ยงสู่ลูกผ่านการทำให้ดูให้เห็นให้สัมผัสจนเคยชิน จนติดตัวไปแบบไม่รู้ตัว นี่ต่างหากคือสาเหตุที่แท้จริง

เมื่อเรามีพฤติกรรมที่ผิดไปจากธรรมชาติอยู่บ่อยๆ นานๆ เข้า ก็ผิดแผกแตกต่างจากที่ธรรมชาติให้มา อวัยวะส่วนนั้นก็เริ่มเสื่อมไว แก่กว่าวัย (ไม่ใช่แค่ผิวพรรณนะ ทุกส่วนของร่างกายมีโอกาสแก่กว่าวันได้ทั้งนั้น)

พฤติกรรมพวกนี้เกิดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “อนุมูลอิสระ” พฤติกรรมผิดๆ ทุกๆ อย่างทำให้อนุมูลอิสระที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ยิ่งมีมากขึ้นมากขึ้น เมื่อมันไม่สมดุล อนุมูลอิสระเกิดมากเกิน โรคเสื่อม (NCDs) จึงบังเกิดขึ้นในร่างกายเรานั่นเอง

นี่แหละ ตัวแม่ของโรคเสื่อมทุกชนิด มันทำให้ร่างกายต้องกลายพันธุ์เพื่อให้เซลล์รอด พอเริ่มเกิดโรคเสื่อมแรก นี่คือสัญญาณบอกว่าสารอนุมูลอิสระมีมากแล้วในร่างกาย หากปล่อยไว้ สารอนุมูลอิสระ ก็จะก่อตัวเป็นอีกโรคเสื่อมหนึ่งตามมา จึงไม่แปลกเลยที่ทำไม คนที่เป็นโรคเสื่อมมักไจะไม่มีเพียงแค่โรคเดียว เช่น ไตมา ตับก็จะไม่ดี เบาหวานก็ตาม ความดัน และจบด้วยมะเร็ง เป็นต้น

ฉะนั้นหากเราต้องการห่างไกลพวกนี้ เราจึงต้องดูแลตัวเอง ด้วย 3 อ. ออกกำลังกาย อากาศ และอาหาร สร้างพฤติกรรมต่างๆ เพราะเสริมสร้าง “สารต้านอนุมูลอิสระ” – Natural Killer Calls – เซลล์นักฆ่า (ฆ่าอนุมูลอิสระ) มีสิ่งนี้มากในร่างกายเราจะห่างไกลโรคเสื่อม

ณ ตอนนี้การรักษาโรคเสื่อมด้วยยาเคมี ปัจจุบันก็มีเฉพาะการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เจ็บตรงไหนแก้ตรงนั้น แก้ไม่ได้ก็ตัดออก แต่ท้ายสุดก็ไม่หายขาดสักที 

หากคุณต้องการรักษาจริงๆ แก้ปลายเหตุอย่างเดียว ไม่จบง่ายหรอกครับ เราต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วย เมื่อโรคพวกนี้เกิดจากสารอนุมูลอิสระ เราต้องทำให้ร่างกายเรามีสารต้านอนุมูลอิสระให้มากๆ นี่คือวิธีแก้ไขที่ตรงจุดที่สุด แก้ไขที่ต้นเหตุ 

หากตอนนี้ใครที่เป็นโรคเสื่อมไปซะแล้ว ก็จำเป็นต้องรักษาไปตามอาการ แต่ก็อย่าลืมเพิ่มกองทัพต้านอนุมูลอิสระด้วย เพราะมันคือวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คุณเอาชนะมันได้จริง ถ้าลมหายในยังไม่หยุด ก็อย่าคิดยอมแพ้

“สงครามมันยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารนะครับ”

ผมบุรินทร์ จันวิไชย ยินดีเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพ

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอย่างธรรมชาติ ด้วยการแพทย์ทางเลือกควบคู่แผนปัจจุบันสมุนไพรจีนโหย่งเหิง คลิก: BurinOnline.com/Yong