รู้ไว้ไกลโรค – สมุนไพรจีน โหย่งเหิง http://burinonline.net โอกาสดีๆ ที่มีไม่รู้จบ Fri, 10 Mar 2023 04:58:49 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.1 5 โรค ที่ผมไม่อยากจะเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะมันรุนแรงมาก http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/5-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/5-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99/#respond Sun, 18 Oct 2020 07:24:15 +0000 http://burinonline.net/?p=7800

นี่คือ 5 โรคที่ผมคิดว่า ผมไม่อยากที่จะเป็นเลยแม้แต่น้อย
เพราะมันส่งผลกระทบต่อร่างกายในทางกว้างมากๆ
แม้บางโรคจะจะไม่ถึงตาย แต่อันตรายตรงที่มันไม่เคยเตือน
และมันมีพวกพ้องเยอะมาก จะเป็นโรคอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/5-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9c%e0%b8%a1%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99/feed/ 0
วันนี้ยังไม่รู้สึกเจ็บ มั่นใจแค่ไหนว่าเรายังไม่ป่วย http://burinonline.net/%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b9%82%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%87/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%9a/ http://burinonline.net/%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b9%82%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%87/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%9a/#respond Tue, 07 Jul 2020 12:10:23 +0000 http://burinonline.net/?p=7360

วันนี้ยังไม่รู้สึกเจ็บ #มั่นใจแค่ไหนว่าเรายังไม่ป่วย ถ้าวันนี้เรายังมีสุขภาพที่แข็งแรง เดินได้ วิ่งได้ โลดโผนได้ ไม่มีอาการไหนที่จะบ่งบอกได้ว่าเราเจ็บป่วย แต่เรามั่นใจแค่ไหนว่าเรายังไม่ป่วย ยังไม่ป่วย หรือยังไม่ได้คิดไปตรวจกันแน่ ฉะนั้นมันก็ยากที่จะบอกได้ แต่ที่บอกได้แน่ๆ คือ เราป่วยทุกวัน เรามีความเสื่อมขึ้นในร่างกายทุกวัน แต่ที่ยังไม่เกิดอาการเพราะร่างกายเราเอาอยู่ คุมได้ จึงไม่แปลกเลยว่า คนส่วนใหญ่มักพบอาการป่วยหนักในเวลาที่โรคมันลุกลามไปจนถึงระยะท้ายๆ และรุนแรง ดังนั้นหากเรายังไม่อยากพบเหตุการณ์นั้นขึ้นในประสบการณ์ของตัวเอง วันที่แข็งแรงก็อย่าชะล่าใจว่าจะไม่ป่วย ดูแลตัวเองให้ดีอยู่ตลอดเวลา เพียงเท่านี้ โรคร้ายก็ไม่อาจกล้ำกลายแล้ว

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b9%82%e0%b8%ab%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%87/%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%87%e0%b8%9a/feed/ 0
ตดเหม็น ตดบ่อย สื่ออะไร แก้ยังไง http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%95%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%87%e0%b8%99-%e0%b8%95%e0%b8%94%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%95%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%87%e0%b8%99-%e0%b8%95%e0%b8%94%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3/#respond Mon, 20 Apr 2020 04:04:54 +0000 http://burinonline.net/?p=5964

“ตด” นับเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกสิ่งมีชีวิตจะเกิดขึ้นได้
ตดสิดี!! ถ้าไม่ตดเลย อันนี้ไม่ดีแล้ว แสดงว่าระบบทางเดินอาหารมีปัญหา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจกรรมอะไรที่ไปกวนลำไส้ เช่น ผ่าตัดช่องท้อง ถูกกระแทกแรงๆ ที่ท้อง ระหว่างดูอาการ ถ้ามีการ “ตด” เมื่อไหร่หละก็มีเฮได้เลย นั่นแสดงให้เห็นว่า ระบบทางเดินอาการไหลเวียนดีแล้ว

ถ้าจะแยกจำแนกการ ตด ก็จะมี “ตดดัง” “ตดเหม็น” “ตดบ่อย” มันคือรหัสมอสที่ร่างกายเรากำลังพูดคุยกับตัวเรา แล้วมันแปลว่าอะไรบ้างหละ มันกำลังเตือนอะไรเรา ไปดูกันเลย

ตดดัง

ตดมีเสียงดัง เกิดจากแก๊สถูกขับออกมาด้วยแรงดันอากาศหรือแรงเบ่งของเรา หรือเกิดจากแก๊สนั้นมีการแทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดที่บีบตัวแน่นเหมือนเราผิวปาก
ความดังของตดจะดังมากน้อยขึ้นอยู่กับ ความกระชับของกล้ามเนื้อหูรูดตูด กับความดันลมภายในลำไส้ใหญ่
ดังนั้น ตดมีเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงความผิดปกติอะไร สบายใจได้

ตดบ่อย

โดยปกติเราจะตดประมาณ 14 – 23 ครั้งต่อวัน ถ้ามากกว่านี้แสดงว่ามีความผิดปกติ
อาการตดบ่อยอาจเกิดจากการกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊สมากเกินไป เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ชีส กะหล่ำปลี หัวหอม สุรา น้ำอัดลม
นอกจากนี้อาจเกิดจากความผิดปกติภายในร่างกายอีกด้วย

จึงนับว่า การตดบ่อยมากเกินไป เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสุขภาพภายในที่เกี่ยวข้องกับโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคมะเร็งลำไส้ โรคลำไส้แปรปรวน ระบบดูดซึมอาหารทำงานผิดปกติ การแพ้นมวัวและโยเกิร์ต หรือกระเพาะมีปัญหา เช่นอาหารเป็นพิษ ฯลฯ

ตดเหม็น มีกลิ่น

ถ้าเราเอาสสารของตนมาตรวจดู เราจะพบสารเคมีในตด อยู่หลายชนิด จะมีกำมะถัน เป็นองค์ประกอบหลัก
แต่จะมีสารเคมีประมาณ 2% ที่จะทำให้ตดเรากลิ่นเหม็น คือ แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือแก๊สไข่เน่า และอื่นๆ
แก๊สนี้เกิดจากเชื้อแบคมีเรียบางชนิดในลำไส้ผลิตขึ้นระหว่างการย่อยอาหาร

ฉะนั้น กลิ่นตดนี้ จึงขึ้นอยู่กับอาหารที่เรากินเข้าไปด้วย
ถ้าตดเหม็นแสดงว่าเราอาจจะกินอาหารพวกที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ชีส และนม รวมไปถึงถั่วชนิดต่างๆ หรือผักที่มีกลิ่นแรงๆ ด้วย
นอกจากนี้แก๊สเหล่านี้ต้องเดินทางผ่านลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของอาหารและกากอาหารที่ถูกย่อยสลายแล้ว จึงมีกลิ่นเหม็น
แต่ถ้ากลิ่มแรงมาก แสดงว่า ลำไส้ติดเชื้อแบคทีเรีย ท้องเสียนั่นเอง

จากข้อนี้ผมขอแยกเป็น 2 ประเด็น

ประเด็นแรก ร่างกายเรากำลังบอกว่า เราอาจจะกินโปรตีนมากเกินไปแล้วหละ

ถ้าเป็นเพราะเรากินผัก ถั่ว ก็ไม่กระไรมาก แต่ถ้าเกิดจากการกินเนื้อ อันนี้ต้องระวังนิดนะครับ การกินเนื้อมาก ส่งผลต่อระบบเลือด มีความเสี่ยงกับอาการเป็นโรคร้ายๆ มากมายด้วย

ประเด็นที่สอง เราไม่ได้กินเนื้อมากมายเลย แต่ยังตดเหม็นอยู่

เรื่องนี้เกิดจากร่างกายกำลังส่งสัญญาณแล้วหละว่า ในระบบทางเดินอาหาร กำลังมีของเสียค้างลำไส้มาก ก็อย่างที่ผมบอกไป ตดมันคือ แก๊สที่วิ่งผ่านลำไส้ ถ้าลำไส้สกปรก ตดเราก็จะมีกลิ่นเหม็นได้เหมือนกันซึ่งมันสามารถเกิดได้กับทุกคน และโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ขับถ่ายทุกวัน
เมื่อลำไส้สกปรกอาหารที่เรากินเข้าไปก็ต้องจะสัมผัสกับของสกปรกนั้นก่อนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายเราก็จะมีของเสียมากขึ้นด้วย

ถ้าตดเหม็น แต่ไม่ขี้ แปลว่า มีของเสียค้างลำไส้มาก ต้องดีท็อก

2 ประเด็นนี้แก้ไขไม่ยาก คือ ลดการกินเนื้อสัตว์ และล้างลำไส้

การล้างลำไส้หรือดีท็อกแบบเบื้องต้น
ทำได้ด้วยการกิน “กล้วยน้ำว้า” เช้า 2 ลูก เย็น 2 ลูก
กินติดต่อกันจนกว่าตดจะหายเหม็น
แล้วคุณจะได้สุขภาพที่ดีขึ้น และมีระบบทางเดินอาหารที่สะอาดกว่าเดิม

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%95%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%87%e0%b8%99-%e0%b8%95%e0%b8%94%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2-%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3/feed/ 0
ถ้าเราไม่ติดหวาน จะได้อะไร http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%ad/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%ad/#respond Thu, 20 Jun 2019 04:47:25 +0000 http://burinonline.net/?p=1763

น้ำตาล ในความคิดผม ผมเชื่อว่าความหวานนี้คือสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ติดได้ง่ายมากๆ ง่ายกว่าสารเสพติดชนิดอื่นๆ ด้วยซ้ำ ผมเลยดูคลิป VDO การทดลอง นักวิจัยเอาหนูไปกินผงขาว กินให้ติดแบบติดงอมแงมเลยนะ ต่อมาก็ให้หนูนั้นกินน้ำตาล 1 ครั้ง หลังจากนั้นเขาก็เอาน้ำตาล กับผงขาวใส่ไว้คนละมุมกล่อง แล้วปล่อยหนูตัวนั้นลงไป หนูไปดมๆ ผงขาว จากนั้นก็เดินไปกินน้ำตาลแบบปรี่เข้าไปเลย จากการวิจัยแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง ก็ได้ผลเช่นเดิม นักวิจัยจึงสรุปได้ว่า น้ำตาลคือสิ่งที่ติดง่ายมาก นับเป็นสารเสพติดชนิดที่ไม่ผิดกฎหมาย

เมื่อเราได้กินน้ำตาล (ไม่ใช่แป้ง ข้าว) ความหวานนั้นจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดในทันที เมื่อน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดก็จะไปกระตุ้นให้สมองผลิตโดพามินในปริมาณที่มาก เราจึงรู้สึกมีความสุข ร่างกายเราจึงเสพติดความสุขนั้น มันคือความสุขที่เกิดจากสารกระตุ้น ไม่ต่างจากการเสพยาเสพติดเลย เมื่อเราได้ลองเสพแล้ว ก็จะอยากมากขึ้นๆๆๆ เรื่อยๆ มากไปก็ทำลายสมอง ส่วนที่หลังสารโดพามิน ถ้าการหลังสารโดพามินลดลงก็อาจทำให้เราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้

ถ้าวันนี้เราเลิกติดหวาน ชีวิตเราจะได้อะไรบ้าง

  1. ห่างไกลโรคอ้วน หุ่นดี ใครๆ ก็รู้ว่ากินน้ำตาลมากๆ จะทำให้เราอ้วน ยิ่งกินยิ่งอ้วนก็เพราะว่าจริงๆ แล้ว ร่างกายเราใช้น้ำตาลให้เป็นพลังงานเพียงแค่ 24 กรัม เท่านั้น ถ้าเรากินน้ำตาลเกิน ร่างกายก็จะผันน้ำตาลตกค้างเป็นไขมัน พอกอยู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายก็เลยทำให้เราอ้วน ยิ่งถ้าเป็นคนที่กินเหล้ากินเบียร์มากๆ ทุกวันๆ มักจะมีไขมันบวมอ้วน โดยฉพาะที่พุง
  2. ห่างไกลโรคเบาหวาน อันนี้ใครๆ ก็รู้ กินของหวานมากๆ จะเป็นเบาหวานนะ ถ้าในกระแสเลือดมีปริมาณน้ำตาลมาก ก็จะทำให้ตับทำงานหนักเกินไป เมื่อตับทำงานหนักเซลล์ตับก็จะถูกทำลาย จนสามารถทำงานได้น้อยลง เมื่อตับทำงานได้น้อยลงก็ควบคุมน้ำตาลไม่ค่อยได้ ผลิตอินซูลินได้น้อยลง ในกระแสเลือดจึงมีระดับน้ำตาลสูงและกลายเป็นเบาหวานไปในที่สุด 
  3. เลือดลมเดินดี สานต่อจากข้อที่แล้ว เมื่อเรากินน้ำตาลมาก มีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูง จะทำให้เลือดเราจะเหนียวขึ้น เมื่อเลือดเหนียวข้นทำใ้หเลือดเลี้ยงเข้าไปในเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ไม่ได้ดี ส่งผลให้เซลล์เราอดอาหาร หายใจไม่ออก เซลล์อ่อนแอ และมีของเสียคั่งค้างในเซลล์มากที่ไม่สามารถขับออกจากกระแสเลือดได้ ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง นี่แหละครับคือสาเหตุที่คนเป็นเบาหวานมักเป็นแผลเรื้อรัง บวมและดำ ถ้าเราลดการกินน้ำตาลได้ เลือดลมก็จะเดินได้ดีขึ้น
  4. ลดความเสี่ยงมะเร็ง สานต่อจากข้อที่แล้ว ถ้าเซลล์อ่อนแอ อดอาหาร หายใจไม่ออก ของเสียขับออกไม่ค่อยดี  นอกจากนี้น้ำตาลยังกระตุ้นให้เกิดความอักเสบในระดับเซลล์แบบเรื้อรัง พวกนี้คือบ่อเกิดที่ทำให้เซลล์ตาย เซลล์ไหนที่ไม่อยากตายก็ต้องปรับตัวเอง วิวัฒนาการตัวเอง ซึ่งการวิวัฒนาการของเซลล์นี้ส่งผลให้เซลล์นั้นกลายเป็นเซลล์มะเร็งนั่นเอง ฉะนั้นถ้าไม่อยากเป็นมะเร็งต้องลดน้ำตาล
  5. ภูมิต้านทานแข็งแรง ไม่ค่อยป่วย ก็สานต่อจากข้อที่แล้วอีกนั่นแหละ เมื่อเลือดลมเดินดี เซลล์ก็ได้สารอาหารครบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแถมไม่มีของเสียค้างในระดับเซลล์ เซลล์ร่างกายจึงแข็งแรง ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย
  6. ลดสิว ลดการอักเสบ อย่างที่บอกครับ น้ำตาลทำให้เซลล์อักเสบเรื้อรัง จึงไม่แปลกเลยครับที่บางคนกินของหวานแล้วเป็นสิวขึ้นทันที ถ้าลดน้ำตาลได้เซลล์ก็ลดการอักเสบได้ สิวก็เกิดน้อย แถมผิวพรรณดี ดูอ่อนเยาว์อีกด้วย
  7. ลดอาการหงุดหงิด อารมณ์ดี เหมือนเราถูกรักษายาเสพติดนั่นแหละ ถ้าเราหลุดพ้นอาการเสพติดได้ ก็ทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากขึ้น แต่ช่วงแรกๆ อาจมีอาการลงแดงขอให้อดทนให้ได้ แล้วเราจะหลุดพ้นไปได้
  8. ระบบเผาผลาญดีขึ้น
  9. ลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับสมอง โรคความจำเสื่อม เพราะน้ำตาลทำฤทธิ์เหมือนสารเสพติด มันจะเข้าไปกระตุ้นการหลั่งสารจะสมอง ซึ่งถ้ากระตุ้นมากเกินไปมากๆ ก็จะทำให้สมองส่วนนั้นมีปัญหาเรื่องการหลั่งฮอร์โมน จุดนี้เองที่อาจทำให้เรามีปัญหาความจำเสื่อมได้ง่าย รวมถึงเป็นโรคซึมเศร้าได้ ถ้าสมองเกิดไม่ยอมหลั่งโดพามีนอีกแล้ว
  10. หัวใจแข็งแรง จากเรื่องที่กระแสเลือดมีความเข้มข้นพอเหมาะ ไม่ข้นเหนียวเพราะน้ำตาล ก็ทะให้เลือดลมเดินดี พอเลือดลมดี หัวใจก็ไม่ต้องทำงานหนักขึ้น ความดันก็ไม่แกว่ง จึงห่างไกลจากโรคหัวใจ ความดันด้วย
  11. ลดไขมันอุดตัน ทั้งในกระแสเลือดและกร้ามเนื้อ ในเมื่อลดการกินน้ำตาล ก็ทำให้ร่างกายเรามีไขมันน้อยลง เมื่อไม่มีไขมันอุดตัน เราก็ห่างไกลจากโรคคอเลสเตอรอล
  12. นอนหลับดี เมื่อในกระแสเลือดมีน้ำตาลมากก็จะทำให้เลือดเหนียวส่งผลต่อการส่งอาหารและอากาศเข้าในในเซลล์ผ่านเส้นเลือดฝอย ตอนที่เรามีสติ ร่างกายจะหายใจในระดับทั่วไป แต่พอเรานอนหลับสนิทร่างกายจะค่อยๆ ปรับอัตราการทำงานลง หายใจน้อยลงเพื่อพักผ่อน จุดนี้แหละ ถ้าเลือดข้น ก็จะทำให้อากาศไม่เพียงพอไปถึงเซลล์ ร่างกายเราจึงกระตุ้นให้เราตื่นเพื่อให้ปอดและหัวใจทำงานในโหมดปกติ ถ้าลดน้ำตาลได้เราจะหลับสนิทกว่านี้แบบไม่มีใครกวนเลย 
  13. สายตาดี กระแสเลือดข้นเพราะน้ำตาล ทำให้สารหาอาหารเข้าไปไม่ถึงตา ถ้าตาขับของเสียออกได้ยากอีก ก็จะส่งผลให้สายตาเสีย นานไปเรื่อยๆ เบาหวานอาจจะขึ้นตาเราก็ได้
  14. ลำไส้ทำงานดี

 

เห็นไหมครับว่าถ้าเรางดหวาน ก็จะทำให้เรามีสุขภาพดีหลากหลายด้านมากๆ เลย แต่ช่วงแรกๆ อาจจะลำบากหน่อย เหมือนกับเราเลิกยาเสพติด ช่วงแรกๆ อาจจะมีอาการหัวตื้อ ไม่มีแรง ซึมไม่สดใส หงุดหงิดง่าย ต้องอดทนหน่อย เพื่อสุขภาพที่ดีของเราในอนาคตนะครับ

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%96%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%ad/feed/ 0
อันตรายจากการกินน้ำตาล ของหวาน http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5/#respond Wed, 19 Jun 2019 09:32:25 +0000 http://burinonline.net/?p=1743

น้ำตาล ความหวานที่ใครๆ ก็ชอบมากเหลือเกิน เพราะมันอร่อยหนะสิ

อันที่จริงแล้ว น้ำตาลก็ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะถ้ามีน้อยเกินไปก็อันตราย หากแต่ถ้าเรากินมากเกินไป จากสิ่งที่เป็นประโยชน์นี้ก็เป็นโทษมหันตร์มากมายเลย มันจะกลายเป็นสารพิษ

ฉะนั้นระดับน้ำตาลในเลือดจำเป็นต้องพอดีพอเหมาะ

ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 50 มก.% สมองไม่ทำงาน

ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มก.% ก็จะรู้สึกหิว

ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 100 มก.% มีแนวโน้มเกิน

ถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 126 มก.% เป็นเบาหวาน

ฉะนั้นน้ำตาลที่พอเหมาะควรจะมีน้ำตาลในเลือดประมาณ 70-100 มก.% 

เอาจริงๆ ผมว่าน้ำตาลไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราต้องกินนะ เพราะการที่เรากินผัก กินแป้ง กินข้าว พอถูกย่อยพวกนี้ก็เป็นน้ำตาลแล้วเหมือนกัน แต่ที่เรามีน้ำตาลใช้มันคือความชาญฉลาดของมนุษย์ที่ต้องการได้กินของอร่อย เท่านั้นเอง

สำหรับอาหารที่มักจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดมากขึ้นมากๆ เกิดจาก

  1. เครื่องดื่มหวานๆ น้ำตาลที่อยู่ในน้ำนั้นมากแบบหลายช้อนโต๊ะมาก ซึ่งเมื่อดื่มเข้าไปแล้วเพียงแค่ 2-3 นาที น้ำตาลเหล่านั้นก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทั้งหมด เราจึงรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ดื่ม เพราะมันไปกระตุ้นให้เราหลั่งสารโดพามิน สารแห่งความฟิน พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ เราก็จะกลายเป็นคนติดหวาน แม้รู้ว่ากินน้ำตาลมากๆ จะไม่ดีต่อร่างกาย แต่ก็อดไม่ได้ ติดหวานก็เหมือนติดสารเสพติด เมื่อวันไหนที่ไม่ได้ดื่มก็จะรู้สึกไม่มีแรง หงุดหงิด อย่างกับคนลงแดง
  2. แป้ง ข้าว อันนี้จะมีการย่อยให้เป็นน้ำตาลในบริเวณลำไส้แล้วดูดซึม แต่เรื่องนี้เราไม่ค่อยกินมากหรอกเพราะเรามีลิมิตความอิ่ม แต่เรื่องของหวานนี่สิ ยิ่งกินยิ่งอร่อย อันนี้ต่างหากที่ทำให้น้ำตาลในร่างกายเราเกินทุกวัน

คนเราสามารถให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ ประมาณไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ถ้าเกินกว่านั้นบ่อยๆ ทุกวันๆ ไม่ใช่เพียงแค่จะเป็นโรคเบาหวานอย่างเดียวนะ แต่อาจส่งผลให้เราเป็นความดัน ไขมัน อ้วน หัวใจ เลือดข้นเหนียว แก่กว่าวัย และมะเร็งได้แบบง่ายดายเลย

ฉะนั้นวันนี้เรามารู้ข้อมูลกันดีกว่าว่า เครื่องดื่มที่เรากินในแต่ละวันนั้นมีน้ำตาลประมาณเท่าไหร่

  1. น้ำอัดลม 30 – 54 กรัม
  2. น้ำเกลือแร่ 39 กรัม
  3. น้ำชาเขียว 15 ช้อนชา
  4. น้ำผลไม้กล่อง 20 กรัม (ไม่รวมความหวานจากผลไม้) 
  5. ซอสมะเขือเทศ มีน้ำตาล 25% ของส่วนผสมทั้งหมด
  6. โกโก้เย็น 10.8 ช้อนชา
  7. ชานม/กาแฟเย็น 11 ช้อนชา
  8. นมเย็น 12.3 ช้อนชา
  9. ชาดำเย็น 12.5 ช้อนชา
  10. ชามะนาว 12.6 ช้อนชา
  11. มอลต์ช็อกโกแลต 13.3 ช้อนชา
  12. น้ำแดงโซดา 15.5 ช้อนชา
  13. เครื่องดื่มสูตรไม่มีน้ำตาล ไม่มีน้ำตาลจริงแต่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนะ

นอกจากนี้ให้ลองดูส่วนผสมข้างขวดก่อนดื่นเองนะครับ

เห็นไหมครับว่าบางอย่างเราเพียงเกินแค่แก้วเดียว เหมือนกับเราได้รับน้ำตาลมากกว่ากินข้าวเป็นชามๆ ซะอีก และการกินเครื่องดื่มพวกนี้แม้จะดื่มเอาน้ำตาลเข้าร่างกายมากมายแล้วก็ยังคงทำให้เราหิวจำเป็นต้องกินข้าวอยู่ดีเพราะน้ำตาลพวกนี้เข้าร่างกา่ยแบบมาก เร็วและรุนแรง ไม่อยู่ท้อง ช่วงที่น้ำตาลขึ้นสูง ตับก็ทำงานหนัก เหมือนเราเอาน้ำตาลไปกระแทกร่างกายแรง แล้วปล่อย แม้จะแป๊บเดียวก็เจ็บ เราจึงยังต้องกินข้าวอีก น้ำตาลก็เกินเข้าไปเรื่อย 

ทำให้คนไทยมีอัตราเฉลี่ยกินน้ำตาลต่อวันมากถึง 61 กรัม (15.25 ช้อนชา) เลยทีเดียว มากกว่ามาตรฐานถึง37 กรัมหรือ 9. 25 ช้อนชาเลย และค่าเฉลี่ยนี้จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นี่แหละครับ คือสาเหตุที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งโรคร้ายอื่นๆ ด้วย และยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวานด้วย วันนี้เราอาจจะยังไม่เป็นโรคร้ายอะไร อย่าชะล่าใจ มันกำลังซ่องสุมกองทัพร้ายๆ แบบเงียบๆ อยู่ข้างใน วันไหนช่วงเวลาเหมาะ มันจะลุกขึ้นมาสร้างโรคร้ายให้เราอย่างแน่นอน จงตัดไฟไว้ซะตั้งแต่ต้นลมดีกว่าครับ

ฉะนั้นก่อนจะหยิบเครื่องดื่มอะไรมาดื่ม แล้วเช็คข้างขวดก่อนนะครับว่า มีน้ำตาลเท่าไหร่ในขวดนี้ คิดดีๆ ก่อนดื่มหละกัน

#ไม่ได้คิดโจมตีใครแค่อยากให้ผู้อ่านตระหนักรู้ก่อนหยิบเข้าปาก

 

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a5/feed/ 0
13 อันดับ อาหารก่อไขมันจากน้อยไปมาก http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/12-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%82%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b2/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/12-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%82%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b2/#respond Wed, 19 Jun 2019 03:43:32 +0000 http://burinonline.net/?p=1699

เชื่อไหมครับว่า โรคร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา 90% เกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ซึงในการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง 70% เกิดจากการกินอาหาร

การกินอาหารนับเป็นเรื่องสำคัญในการอยู่รอดของมนุษย์ ไม่มีอาหารประเภทไหนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเลย แต่ที่อาหารกลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายก็เพราะเรากินอาหารบางอย่างมากเกินไป ประกอบกับเรากินอาหารบางอย่างที่น้อยเกินไป ทำให้ร่างกายมีพลังงานสะสมมากเกินความจำเป็น เมื่อมีส่วนเกินธรรมชาติของร่างกายดันไม่ขับออกทั้งหมด จะมีบางส่วนที่ร่างกายเก็บไว้กลายเป็นไขมันและน้ำตาลที่สะสมในกระแสเลือด

ฉะนั้นหากต้องการสุขภาพที่ดี สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับต้นๆ เลย นั่นคือ เลือกกินอาหารให้พอดีกับร่างกายของเรา ผมจึงขอแบ่งอาหารมาสัก 12 ประเภท เรียงลำดับตามพลังงานที่เราจะได้รับจากน้อย ไป มาก

1. น้ำเปล่า – กลุ่มไม่ให้พลังงานเลย แต่ต้องกิน เพราะส่วนประกอบในร่างกายของเราส่วนใหญ่มากคือน้ำ และน้ำในร่างกายเราถูกขับออก ระเหยออกตลอดเวลา ถ้าขาดน้ำติดต่อก่อนไม่เกิน 3 วันก็มีโอกาสตายได้ แต่การกินน้ำต้องน้ำเปล่าเท่านั้นนะ นอกจากนี้การกินน้ำก่อนกินข้าวเป็นสิ่งที่ดีมาก ลดไขมัน หุ่นดี รักษาสมดุลความดัน ไตสะอาดและห่างไกลโรคมะเร็ง แต่น้ำนั้นต้องไม่เย็น หากเป็นน้ำเย็นมันจะไปดับไฟย่อยของเรา

2. กลุ่มพืชกินใบ กินดอก – กลุ่มที่มีแป้งต่ำ ไฟเบอร์สูง ไม่มีไขมัน พลังงานต่ำ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย แถมยังมีวิตามิน เกลือแร่และสารต้านอนุมูลอิสระมากด้วย

3. กลุ่มพืช กินผล กินหัว – เช่น พืชตระกูลถั่ว, มะรุม, ฟัก แฟง แตง,แครอท ผักกาดขาว ขิง ข่า กระชาย หอม เป็นพืชที่พอมีแป้งบ้าง มีไฟเบอร์ วิตามินเกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ (แต่ไม่รวมเผือก มัน นะครับอันนี้ผมขอไปรวมกับพืชประเภทแป้ง ข้าว)

4. ผลไม้ที่สุกแล้วไม่หวานมาก – เช่น ฝรั่ง ชมพู พุทรา สาลี แอปเปิล เป็นผลไม้ที่ให้แป้งและน้ำตาลต่ำ

อาหาร 4 ข้อนี้ เราควรกินก่อนกินข้าวแต่ละมื้อให้อิ่มสักครึ่งท้อง จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นมากเลยทีเดียว

5. อาหารให้โปรตีนที่มีแป้ง/ไขมันน้อย เช่น เนื้อปลา (ไม่รวมท้อง) เห็ด ไข่ เนื้อไม่ติดมัน ให้กินเป็นกับข้าวก็มีดีกว่าสิ่งอื่น

หากวันๆ เราเลือกกินอาหาร ข้อ 1 – 5 ควบคู่กับการออกกำลังกาย ก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นมากเลย

6. อาหารที่ให้แป้งสุง เช่น ข้าว เผือก มัน ธัญพืช ก็จำเป็นต้องกิน เพียงแค่อย่ากินมากเกินความจำเป็นเท่านั้นพอ

7. ผลไม้ชนิดที่สุกแล้วหวาน ผลไม้พวกนี้อุดมไปด้วยแป้งเยอะเวลาดิบ ซึ่งแป้งเหล่านี้จะผันเป็นน้ำตาลเวลาสุก กินก็กินได้แต่อย่ามากและบ่อย ไม่งั้นน้ำตาลในร่างกายของเราจะเกิน

8. ผลไม้ตามฤดูกาล – การกินผลไม้ควรกินตามฤดูกาลของมัน เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติ หากเป็นผลไม้นอกฤดูกาลนอกจากจะแพงแล้วมักจะพบสารเคมีตกค้างที่ผู้ปลูกใส่เร่งผลผลิต เมื่อมีการเร่งเร้าผลผลิตก็จะทำให้ผลไม้ที่ได้เต็มไปด้วยความหวานแต่มีสารอาหารน้อย

9. อาหารดัดแปลง เช่น ขนม ของหวาน อาหารที่ผ่านการถนอมอาหารรูปแบบต่างๆ ส่วนมากจะมีน้ำตาลมาก และมีสารอาหารน้อย

10. เครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำตาล รวมถึงสุรา และผลไม้กล่อง มักมีน้ำตาลมากชนิดที่มากๆกว่าที่ร่างกายต้องการไปมากเลยทีเดียว สำหรับสุรา โดยเฉพาะเบียร์ แม้ไม่หวานแต่ก็มีส่วนประกอบที่สามารถทำให้ร่างกายย่อยออกมาแล้วได้น้ำตาลได้เหมือนกัน

11. พืชตระกูลถั่ว มักจะมีแป้งมาก ซึ่งแยกเป็น 2 ประเภท ถั่วที่มีไขมันน้อย เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ส่วนถั่วที่ให้ไขมันมาก เช่น ถั่วลิสง อัลมอน มะม่วงหิมพาน เมล็ดทานตะวัน

12. เนื้อสัตว์ติดมัน อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ไขมันที่กินเข้าไปมันจะไปสะสมเป็นไขมันอิ่มตัวอุดตันในร่างกาย

13. ไขมันสกัด เช่น น้ำมันพืช น้ำมันหมู เมื่อน้ำมันพวกนี้ถูกความร้อน จะผันตัวเองเป็นไขมันเลว และมีสาร polar เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ถูกความร้อน ซึ่งสาร polar นี้ ทำให้เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ทำให้ตับเสื่อมได้ 

ผมไม่ได้บอกว่าห้ามกินนะครับ ผมแค่เพียงอยากบอกว่า อาหารบางอย่างควรกินให้มากและบ่อย อาหารบางอย่างควรกินให้น้อยและห่าง ส่วนอาหารบางอย่าง ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดีมากๆ เลย

เลี่ยงซะวันนี้ ดีกว่าอดกินของอร่อยๆ ทุกอย่างตลอดไปนะครับ

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/12-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%82%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b2/feed/ 0
โรคที่เกิดจากการกิน http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99/#respond Tue, 18 Jun 2019 14:36:26 +0000 http://burinonline.net/?p=1675

หากพูดถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาจเป็นภาษาหมอ ที่เราก็งงๆ ว่ามันคือโรคอะไรหว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีหลายประเภทครับ ขึ้นอยู่กับว่า ความเสื่อนั้นมันไปปรากฎที่อวัยวะส่วนไหน เมื่ออวัยวะส่วนนั้นทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ ก็จะส่งผลให้เราเกิดเป็นโรคบางอย่างขึ้นได้ ตามภาพเลย

เชื่อไหมครับว่าโรคพวกนี้ 90% ไม่ได้เกิดจากเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรอกครับ แต่มันเกิดจากพฤติกรรมของเราเอง 70% เกิดจากการกินของเรานี่แหละครับที่ทำร้ายร่างกายเราให้โรคร้ายเหล่านี้ เป็นการใช้ชีวิตประจำวันที่กระตุ้นสร้างโรคโดยที่เราก็ไม่รู้ตัว นี่แหละครับคือสาเหตุที่ว่าทำไมคนไทย 73% ต้องเสียชีวิตเพราะโรคเรื้อรังเหล่านี้

วันนี้ผมอยากจะมาบอกเล่าเทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้เราห่วยไกลจากโรคเรื้อรังให้มากกว่าเดิม แบบกระซิบนิดๆ โรคเรื้อรังเกิดจากสารอนุมูลอิสระ การจะทำให้ชีวิตเราห่างไกลจากโรคเรื้อรังพวกนี้ได้ ต้องเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายของเรายิ่งมากก็ยิ่งดี

  1. ไม่จินตนาการด้านลบๆ ความคิดลบๆ ส่งผลให้เกิดความเครียด ความเครียดคือตัวสาเหตุชั้นดีที่ทำให้เราเกิดสารอนุมูลอิสระมาก หน้าดำ ดูไม่สดใส เป็นทุกข์ในจิต ส่งผลต่อทุกข์ในกายด้วย
  2. ต้องอย่าอ้วน โรคอ้วนทำให้เราเกิดโรคได้หลายโรคมากชนิดที่ไม่รู้จบ อยู่ที่ว่า มันจะไปออกเอาโรคอะไร ความอ้วนไม่ใช่ปัญหาเราไขมันอย่างเดียวนะครับ ไขมันส่วนเกินนี้จะไปรบกวนทุกการทำงานของทุกระบบในร่างกาย อุดตันส่วนไหนส่วนนั้นมีปัญหา ไขมันพวกนี้สามารถผันเป็นน้ำตาลได้ น้ำตาลไปสะสมตรงไหน เซลล์ส่วนนั้นถูกทำลาย เมื่อเซลล์ถูกทำลายอวัยวะนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ มันคือโรคร้ายแบบโดมิโน่ ล้มหนึ่งตัวก็ล้มทั้งกระดาน นอกจากนี้เมื่อเราอ้วนมากขึ้น อวัยวะสำคัญก็จะทำงานหนักขึ้นเพราะเราตัวใหญ่ขึ้น ส่งผลให้เกิดปัญหาในอวัยวะนั้นๆ
  3. สานต่อจากข้อ 2 นั่นคือ งดทานน้ำตาลและไขมันทรานต์ (ไขมันประดิษฐ์ เช่น ครีมเทีม เนยเทียม น้ำมันทอดๆ พวกนี้กินเข้าไปแล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลสูงกว่าเดิม และยังทำให้มีไขมันอุดตันมากมายอีกด้วย
  4. งดเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทานเท่าที่จำเป็น เพราะในนี้มีสารอนุมูลอิสระ

สำหรับอาหารที่เราต้องกิน เพื่อห่างไกลโรคเรื้อรัง

  1. กินผัก ผลไม้ (ชนิดไม่หวาน) ให้มาก โดยเทคนิคการกิน ควรกินก่อนอาหารประเภทอื่นให้อิ่มสักครึ่งท้องก่อน
  2. ลดข้าว แป้ง ไม่ควรกินมาก เพราะข้าวแป้งเมื่อถูกย่อยก็จะเป็นนำตาลนั่นเอง ยิ่งหากอายุ 30 ปีขึ้นไป ยิ่งต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง อย่าพยายามทำให้ท้องอิ่มเพราะข้าวหรือผลิตภัณฑ์จากแป้ง
  3. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายทำให้เราได้เคลื่อนไหว ยิ่งเคลื่อนไหวมาก ยิ่งสุขภาพดี แต่อย่าหักโหมเกินไปจนเสียสุขภาพนะครับ
  4. นอนหลังให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับ คือการที่ร่างกายได้พักผ่อนฟื้นฟูโดยธรรมชาติ เวลาที่ดีที่สุด คือ 4 ทุ่ม – ตี 2
  5. จินตการเชิงบวก คิดบวก ชีวิตจะมีความสุข เมื่อมีความสุขร่างกายเราก็มีความสุขไปด้วย

และนี่แหละครับคืการดูแลตัวเองแบบเบื้องต้นเพื่อให้เราห่างไกลจากโรคร้ายๆ มากมาย อย่าเพิ่งมองเป็นเรื่องไร้สาระนะครับ ยุคนี้คนที่โชคร้ายเป็นโรคร้ายๆ แบบนี้มีมากมาย และมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่ดูแลตัวเองให้ดีตั้งแต่วันนี้ ยังกินตามใจอยากโดยไม่สนใจสุขภาพ ระวังความโชคร้ายจะบังเกิดกับเรา แล้วเมื่อถึงวันนั้นเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับตัวแล้วก็เป็นได้นะครับ จงอย่าประมาท

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99/feed/ 0
กินเนื้อมากๆ มีโทษกับร่างกายยังไง http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b9%86-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b9%88/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b9%86-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b9%88/#respond Tue, 18 Jun 2019 13:33:32 +0000 http://burinonline.net/?p=1672

เราอาจจะมีความเชื่อว่า สารอาหารประเภทโปรตีนที่มีประโยชน์มากที่สุด คือ โปรตีนที่เกิดจากเนื้อสัตว์ ซึ่งสารอาหารประเภทโปรตีนนั้นเป็น 1 ในอาหาร 5 หมู่ที่มนุษย์เราต้องการ 

จริงอยู่ว่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์นั้นมีปริมาณที่สูงมากจริงๆ แต่เชื่อไหมครับว่า ในเนื้อสัตว์ก็อุดมไปด้วยสารตกค้างมากไม่แพ้กันเลย แม้จะเป็นเนื้อสัตว์ออแกนนิกก็ตาม

วันนี้ผมจะขอเล่าสารตกค้างที่อยู่ในเนื้อแบบพอประมาณให้ฟัง ก่อนที่คืนนี้คุณจะตัดสินใจไปกินหมูกระทะบุฟเฟ่

  1. หากใครเคยติดตามบทความของผม ก็อาจจะเคยเห็นบทความที่ผมพูดเรื่อง มนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืช เมื่อธรรมชาติสรรสร้างให้เป็นเป็นสัตว์กินพืช แสดงว่าระบบร่างกายของเราไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อย่อยเนื้อได้มากมายอะไร อาจจะย่อยได้บ้างในกระเพาะ แต่พอหลุดไปถึงลำไส้แล้วจะไม่มีการย่อยอาหารอีกแล้ว เป็นกระบวนการดูดซึมอย่างเดียวเลย เนื้อที่ถูกย่อยไม่หมดเหล่านั้น จะอยู่ค้างลำไส้ ยิ่งอยู่นานเข้าก็ยิ่งจับตัวแข็งและเริ่มเน่า ทำให้ระบบขับถ่ายมีปัญหา ของเน่าเสียมาก ไม่ยอมขับออก ซึ่งเนื้อที่เรากินจะค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามลำไส้ประมาณ 14 เมตร อยู่ในนั้นราวๆ 3 วัน คิดดูสิเนื้อนั้นมันจะเน่าขนาดไหน นอกจากทำให้เราท้องผูกแล้ว ความเน่ายังเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียตัวร้ายๆ ส่งผลให้ลำไส้ของเราเองนี่แหละคือตัวก่อสารพิษชั้นดี เมื่อสารพิษนั้นถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดก็ทำให้เซลล์ร่างกายได้กินของเสียสังเกตได้จากผิวพรรณ ใครที่ชอบกินเนื้อมากๆ และไม่ชอบกินผัก ผิวพรรณจะไม่สดใส แม้จะใช้ครีมดีๆ บำรุงด้วยคลินิคเสริมความงามยังไงก็สวยใสได้เพียงไม่นาน และสิ่งนี้ก็ยังเป็นบ่อเกิดของมะเร็งในร่างกายด้วยเหมือนกันนะครับ
  2. เนื้อที่เส้นใยเหนียวๆ โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เหนียวมาก ทำให้กระเพาะทำงานหนักมากขึ้น 
  3. สารอาหารประเภทโปรตีนนั้นสำคัญ แต่ถ้ามากเกินไปโปรตีนส่วนเกินจะกลายเป็นของเสียทันที เมื่อมีของเสียในกระแสเลือด ตับและไตก็ทำงานหนักขึ้น ในกระบวนย่อยเนื้อสัตว์ มักเกิดสารตกค้างเสมอ ลองสังเกตเวลาเรากินเนื้อมากๆ เราจะรู้สึกว่าปัสสาวะเรามีกลิ่นฉุนมากกว่าเดิม นั่นคือตัวบ่งชี้ว่าไตทำงานหนักมาก และถ้าเรากินเนื้อในมื้อเย็นแล้วหละก็ ค่ำคืนนั้นตับ ไตเราจะไม่ได้พักเลย ส่งผลทำให้ ตับพังไว บ่อเกิดของโรคเบาหวาน หรือไตพังไว บ่อเกิดของโรคไตวาย ได้
  4. สารในเนื้อสัตว์มีส่วนกระตุ้นการเกิดเซลล์กลายพันธ์ุ (เซลล์มะเร็งนั่นเอง) เพราะมันมีสารอนุมูลอิสระมากพอสมควร
  5. สารในเนื้อสัตว์ มันกระตุ้นให้เราเป็นภูมิแพ้ ผมเคยอ่านวิจัยมา เขาวิจัยได้ว่า คนที่ดื่มนมวัวเป็นประจำมักมีอัตราเป็นภูมิแพ้ได้มากกว่าคนที่ดื่มนมธัญพืช
  6. ไขมันที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เมื่อกินเข้าไปแล้ว ไขมันเหล่านั้นมักจะไปสะสมเป็นไขมันอุดตันได้ง่ายมากๆ สะสมในเนื้อก็อกลายเป็นโรคอ้วน สะสมในหลอดเลือดก็กลายเป็นหลอดเลือดตีบ ตัน แตก ได้

นี่คือข้อมูลแบบคร่าวๆ ครับ แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ได้บอกว่า ให้หันมากินมังสาวิรัสกันตลอดชีวิต (ถ้าทำได้ก็ดีมากเลย) แค่อยากให้คุณคิดดีๆ ก่อนตัดสินใจกินเนื้อแบบมากๆ เนื้อนั้นมีประโยชน์ หากรู้จักทานในปริมาณที่ไม่มากเกินไป เรื่องชวนผมไปกินเนื้อบุฟเฟ่ ทำใจไปได้เลย เพราะผมขอเก็บสุขภาพของผมไว้สำหรับเนื้อวากิวดีกว่าครับ

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b9%86-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b9%88/feed/ 0
9 อาการ บอกเรากำลังเป็นเบาหวาน http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/6-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/6-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80/#respond Fri, 14 Jun 2019 13:57:01 +0000 http://burinonline.net/?p=1563

เบาหวาน นับเป็นโรคเรื่อรังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากสะสมของบ่อเกิดโรคเบาหวานจากหลายๆ อย่างรวมกัน ค่อยๆ สะสมไปเรื่อยๆ มีอาการร่างกายเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย ชนิดที่ถ้าเราไม่ค่อยได้สังเกตเราแทบจะไม่ค่อยเห็นความแตกต่างเลย

เชื่อไหมครับว่า มีผู้คนประมาณ มากกว่า 50% ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นโดยไม่รู้ตัว เพราะเป็นโรคที่เป็นง่ายมากๆ ในชีวิตประจำวันเรากินน้ำตาลเกินมาตรฐานแทบจะทุกวันอย่างเคยชินและไม่เป็นว่าเป็นเรื่องแปลก โรคเบาหวานจึงเป็นได้ง่ายการติดเชื้อโรคซะอีก ซึ่งหลายคนที่เป็นเบาหวานแต่ไม่รู้ตัวก็มันจะใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ไม่สนใจเรื่องการดูแลตัวเอง ไม่คิดจะไปตรวจสุขภาพ นึกอยากจะไปตรวจสุขภาพจริงๆ ก็ตอนที่มีอาการผิดปกติชนิดเดินไม่ไหวซะแล้ว ซึ่งมักจะตรวจเจอตอนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานเรื้อรังเต็มที่ไปซะเรียบร้อยแล้ว

วันนี้ผมเลยอยากจะให้เราลองสังเกตร่างกายของตัวเองดูว่า ณ ตอนนี้เราเข้าข่ายเริ่มเป็นเบาหวานแล้วรึยัง รู้ก่อนก็จะได้แก้ไขก่อน ก่อนเบาหวานจะทำร้ายเราไปมากกว่าเดิม

  1. อาการเนื้อเหลว บางคนอาจเคยมีกล้ามขึ้นแข็ง ดูแข็งแรงจับไปเจอกล้ามเนื้อบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนเริ่มเป็นเบาหวานกล้ามเนื้อจะถูกร่างกายเผาผลาญไปออกมาใช้ เกิดจากสาเหตุที่ว่า ร่างกายเริ่มขาดสารอาหาร จนต้องเผาผลาญกล้ามเนื้อออกมาใช้งาน ในระหว่างนี้เองที่ร่างกายจะพยายามเร่งดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมากขึ้นเพื่อทดแทนสารอาหารที่มีไม่มากพอ แทนที่ปกติร่างกายเราดูดซึมน้ำตาล 20% ของที่กินเข้าไป จะเปลี่ยนเป็นดูดซึมน้ำตาลสูงเป็น 60% ของที่กินเข้าไป ระดับน้ำตาลในร่างกายจึงสูงขึ้น มากขึ้นแบบทวีคูณแม้จะกินข้าว แป้ง น้ำตาล เท่าเดิม
  2. มีอาการปัสสาวะบ่อยๆ ถี่ๆ ก็เนื่องมาจากระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมีปริมาณที่สูงขึ้นจนกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ร่างกายจะต้องควบคุมสมดุลด้วยการขับออกพยายามกรองแล้วเอาออก การปัสสาวะถี่ๆ ก็เป็นข้อสังเกตได้ว่าร่างกายเราเริ่มผิดปกติแล้วหละ ถ้าปล่อยไว้นานๆ สิ่งนี้ก็จะส่งผมต่อเซลล์ไตด้วยนะ โรคไตจะถามหาเอา
  3. เหนื่อยง่ายกว่าปกติ เพราะก่อนเริ่มต้นเป็นเบาหวาน เราจะมีภาวะขาดสารอาหาร ทำให้เซลล์ไม่ได้อาหาร รวมทั้งเมื่อระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูง ทำให้เลือดเริ่มข้น เมื่อเลือดข้นขึ้น การส่งเลือดเข้าเลือดฝอยจึงไม่มีประสิทธิภาพ เซลล์ร่างกายจึงได้อาหารไม่เต็มที่ ได้น้ำตาลไปซะมากเซลล์จึงไม่ค่อยจะมีแรง ทำให้เหนื่อยง่ายกว่าเดิม
  4. เล็บเริ่มมีสีเข้ม มือ เท้า เริ่มมีสีเข้มกว่าเดิม หน้าดูหม่นๆ ไม่ผ่องใส หรืออาจมีอาการบวม เนื่องจากน้ำตาลทำให้กระแสเลือดข้นขึ้น เดินไหลไม่ค่อยดี ส่งผลให้ร่างกายนำของเสียไปทิ้งตามระบบได้ช้า ของเสียจึงเริ่มคั่งค้างจนทำให้เห็นเป็นสีคล้ำนั่นเอง
  5. ง่วงนอนง่าย และบ่อย มีอาการไม่สดชื่นเวลาตื่นเช้า แม้จะไม่ได้นอนดึกก็ตาม เป็นผลพวงที่เกิดจากเซลล์มีสารอาหารเลี้ยงไม่เพียงพอนั่นเอง รวมถึง น้ำตาลไปรบกวนการฟื้นฟูซ่อมแซมส่วนต่างๆ ในร่างกายและยังทำให้เซลล์เกิดการอักเสบอีกด้วย ตรงนี้เองที่ทำให้เราง่วงนอนตลอดเวลา ร่างกายพยายามจะบังคับให้เรานอนเพื่อฟื้นฟู แต่พอเรานอนน้ำตาลรบกวนการฟื้นฟู ทำให้เราได้นอนแต่ผลเหมือนไม่ได้นอนจึงไม่สดชื่นทั้งวันเลย ฉะนั้นหากอยากมีสุขภาพที่ดี จึงควรงดข้าว แป้ง และน้ำตาล ในมื้อเย็น เพื่อให้ร่างกายไม่มีน้ำตาลคั่งค้างมากก่อนนอน จะได้เข้าสู่ภาวะซ่อมแซมอย่างเต็มที่ และหากใครอยากพัฒนาสมอง ต้องกินข้าวเข้ามาก ข้าวเที่ยงลดครึ่งหนึ่ง และงดข้าวเย็น
  6. นอนหลับไม่สนิท โดยปกติแล้วตอนที่เราตื่นหัวใจเราจะสูบฉีดเลือดแบบปกติ แต่พอเราเริ่มนอนหลับ หัวใจจะเริ่มสูบฉีดเลือดเบาลงเรื่อยๆ หายใจเบาเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ เพื่อเข้าสู่ภาวะพักฟื้นฟู แต่เมื่อเรามีระดับน้ำตาลสูง ทำให้เลือดข้นกระแสเลือดไหลเวียนไม่สะดวก การที่หัวใจสูดฉีดเลือดเบาลง หายใจเบาลงก็ทำให้เซลล์ส่วนปลายไม่ได้รับเลือดดี อ๊อกซิเจนจึงไม่ถึงระดับเซลล์ และสมอง เหมือนกำลังจะตาย ร่างกายจึงต้องกระตุ้นให้เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาหายใจให้แรงขึ้น หัวใจต้องเต้นเร็วขึ้น เราจึงตื่นนั่นเอง นอนๆ อยู่ก็เด้งตื่น ทำให้เราหลับไม่สนิท ไม่ได้ฟื้นฟูร่างกายไดด้อย่างเต็มที่ ร่างกายเราจึงโทรมลง
  7. มีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศ อย่างที่ผมบอกหละครับ น้ำตาลสูงเลือดข้น ทำให้ส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะทางเพศผ่านเส้นเลือดฝอยได้ไม่ดี เรื่องนี้ผมขอเตือนนะครับอย่าเร่งการสูบฉีดเลือดด้วยสารกระตุ้นเพราะเส้นเลือดฝอยอาจจะแตกได้ เหมือนเราดูดโคลนด้วยหลอด ดูดหนักเข้ามันไม่มาแต่จะทำให้หลอดแตกนะครับ เรื่องใหญ่เลยหละ
  8. เป็นแผลติดเชื้อง่าย แผลหายช้า ก็เกิดจากเซลล์ไม่ค่อยได้รับสารอาหารนอกจากน้ำตาลก็เลยมีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไม่ค่อยดี รวมถึงน้ำตาลไปรบกาวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วย แผลจึงหายช้า ส่วนการติดเชื้อง่ายก็เกิดจากน้ำตาลคืออาหารของเชื้อโรคด้วย เชื้อโรคจึงเจริญเติบโตได้ดี แผลจะดำๆ หมองๆ นี่คือสาเหตุที่คนเป็นเบาหวานมักจะเป็นแผลเรื้อรัง รวมถึงบางคนกินของหวานมากๆ แล้วสิวขึ้น
  9. เริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ แม้จะออกกำลังกายลดอาหารแล้วก็ตาม เพราะก่อนจะเป็นเบาหวานปริมาณกล้ามเนื้อจะมีอัตราที่น้อยลง สาเหตุตามข้อ 1 เลย เมื่อกล้ามเนื้อน้อยลงร่างกายจะดักสะสมน้ำตาลแล้วแปรรูปเป็นไขมัน คนที่มีลักษณะอ้วนเนื้อเหลว นั่นแหละครับใช่เลย

และนี่แหละครับข้อสังเกตแบบเบื้องต้นเพื่อประกอบความสงสัยได้ว่าเรากำลังเริ่มเป็นเบาหวานแล้วรึเปล่า ถ้ามีอาการแบบนี้ให้รียไปตรวจค่าระดับน้ำในในเลือดด้วยนะครับ ถ้าเกิดตรวจแล้วค่า FBS หรือ FPS เกิน 126 หรือค่า HbA1C เกิน 6.5 นั่นแหละเราเป็นเบาหวานแล้วครับ รีบเปลี่ยนตัวเองด่วน สำหรับใครที่ไม่ถึงเกณฑ์แต่ใกล้แล้ว คุณมีโอกาสรีบเปลี่ยนตัวเองครับ เพราะการเป็นโรคเบาหวานไม่สนุกเลยและมันคือโรคที่เสี่ยงทำให้เราเป็นบรรดาโรคร้ายได้อีกมากกว่าแค่เบาหวานซะอีกนะครับ

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/6-%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80/feed/ 0
3 เคล็ดลับ ดูแลผู้เป็นโรคเบาหวาน http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/3-%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%94%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a3/ http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/3-%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%94%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a3/#respond Fri, 14 Jun 2019 01:17:20 +0000 http://burinonline.net/?p=1557

โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากผลลัพธ์ของร่างกายที่มีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดในอัตราที่สูง สูงกว่า 126 มล./ดล. ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุครับ เช่น กิน ข้าว/แป้ง/น้ำตาล มากเกินไป ตับอ่อนมีเซลล์ทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพจึงผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยลง

]]>
http://burinonline.net/%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%84%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84/3-%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%94%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a3/feed/ 0